X-MEN การตัดต่อพันธุกรรมมนุษย์ เกิดขึ้นแล้ว

X-MEN การตัดต่อพันธุกรรมมนุษย์ เกิดขึ้นแล้ว

23 พ.ค. 2018
X-MEN การตัดต่อพันธุกรรมมนุษย์ เกิดขึ้นแล้ว / โดย ลงทุนแมน
ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เราเชื่อกันมาตลอด
แต่จริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น
เพราะตอนนี้มนุษย์สามารถกำหนดพันธุกรรมได้แล้ว
เรื่องนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
มนุษย์เชื่อมาเสมอว่ามีใครบางคนกำหนดชีวิตเราไว้แล้ว
แต่ตอนนี้ เราอาจจะกำหนดชีวิตของเราได้มากขึ้น
รู้หรือไม่ว่า เมื่อก่อนที่เราต้องมานั่งลุ้นว่าลูกของเราจะเป็น เพศหญิง หรือเพศชาย
จริงๆ แล้วปัจจุบันนี้ มนุษย์มีความสามารถที่กำหนดเพศของเด็กเกิดใหม่ได้ ด้วยการผสมเทียม
แต่ตอนนี้ เรากำลังจะต้องการควบคุมสิ่งที่ใหญ่ขึ้นไปอีก นั่นก็คือ ลักษณะทั้งหมดของมนุษย์
ลองนึกภาพตามกันดู
การกำหนดเพศของเด็กเกิดใหม่ เราก็จะวิเคราะห์กันที่ โครโมโซม X และ Y
เรากำหนดได้ว่าอยากจะให้ออกมาเป็นเพศไหน อยากได้ลูกผู้หญิงก็เป็น XX ลูกผู้ชายก็เป็น XY
แต่เมื่อเราขยายภาพเป็นทั้งหมดของมนุษย์
มนุษย์มีโครโมโซมทั้งหมด 23 คู่ แบ่งเป็น โครโมโซมร่างกาย 22 คู่ + โครโมโซมเพศซึ่งก็คือ XX หรือ XY
โครโมโซม 23 คู่นี้ จะมี 46 แท่ง โดยมาจากพ่อ และแม่อย่างละครึ่ง
และ โครโมโซม 23 คู่นี้ จะมีคู่เบส A T C G อยู่ประมาณ 3 พันล้านคู่
ทำให้ใน 1 คู่ มีความน่าจะเป็นเกิดขึ้นได้ทั้งหมด 4 แบบ ตามตัวอักษร A T C G
ดังนั้นถ้าให้คิด combination หรือความน่าจะเป็นทั้งหมด แปลว่า จะมีรูปแบบการเรียงที่เป็นไปได้มากถึง 4 ยกกำลัง 3 พันล้านรูปแบบ
ซึ่งถ้าเอาตัวเลขนี้ไปกดเครื่องคิดเลขของเรา คำตอบที่ได้ก็คือ Infinity หรือมากมายจนนับไม่ถ้วนจนเครื่องคิดเลขไม่สามารถแสดงตัวเลขได้
แต่มนุษย์ไม่ยอมแพ้
ถ้าเราลองมองลำดับเบสต่างๆให้เป็นข้อมูลแบบคอมพิวเตอร์ซึ่งก็คือเลขฐาน 2
ในระบบเลขฐาน 2 เราจะเลือกได้แค่ 0 หรือ 1 ซึ่งในภาษาคอมพิวเตอร์เราจะเรียกว่า 1 bit
จาก 4 ยกกำลัง 3 พันล้าน จะใช้หลักคณิตศาสตร์แปลงได้เป็น 2 ยกกำลัง 6 พันล้าน
ซึ่งแปลว่า DNA ทั้งหมดของร่างกายมนุษย์จะต้องใช้เนื้อที่ในการเก็บทั้งหมด 6 พันล้าน bit
1 byte มี 8 bit
ซึ่งหมายความว่า DNA ของมนุษย์จะต้องการเนื้อที่เก็บ 750 ล้าน byte
และ 750 ล้าน byte ก็คือ 750 Mb ซึ่งสามารถบรรจุอยู่ได้ใน DVD 1 แผ่น..
จะเห็นว่าการเก็บข้อมูล DNA ไม่ได้ใช้เนื้อที่มากมายเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีของมนุษย์ในปัจจุบัน
แต่สิ่งที่ยังเป็นคำถามคือ รูปแบบแต่ละอย่างที่เรียงจะทำให้เรากลายเป็นอะไร
ซึ่งถ้าเราสามารถเข้าใจทุกรูปแบบ เราก็น่าจะสามารถกำหนดให้มนุษย์เป็นไปตามแบบที่เราคิดได้
ฟังๆ ดูแล้วอาจจะนึกไม่ค่อยออกว่าเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง
สมมติว่า รูปแบบ DNA ที่เรียงกันออกมาแล้วเกิดความผิดปกติต่อมนุษย์ เราก็แค่ลบคู่เบสที่ไม่ดีออกแล้วใส่คู่เบสใหม่ หรือโครโมโซมมาเรียงใหม่ให้เป็นแบบที่เรารู้ว่าดี
ตัวอย่างข่าวล่าสุด เรื่อง โรคธาลัสซีเมีย ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของโครโมโซมคู่ที่ 11 และคู่ที่ 16 ซึ่งตอนนี้สามารถรักษาให้หายขาดด้วยการบำบัดยีนได้แล้ว
หรือแม้กระทั่งโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่ใครก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างสตีฟ จอบส์ เองก็เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับอ่อน เหมือนกัน
มะเร็งส่วนใหญ่แล้วเกิดจากความผิดปกติในการแสดงออกของยีน
เพราะฉะนั้นการรักษาก็คือ การมุ่งไปที่การจัดการยีนเหล่านั้น หรือทำให้กลายเป็นปกติเหมือนเดิม
หมายความว่า การกำหนด DNA ก็อาจจะสามารถตอบเรื่องเหล่านี้ได้ทั้งหมด
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว
เรื่องนี้คงจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ เพราะว่าการทำแผนที่ DNA ทั้งร่างกายของมนุษย์ (MAP) มีค่าใช้จ่ายที่สูงถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำแผนที่ DNA ของมนุษย์เหลือเพียง 1,000 ถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
เรื่องยีนจึงกำลังค่อยเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้วในตอนนี้
แล้วในอนาคตเรื่องนี้จะทำให้มนุษย์เราเปลี่ยนไปขนาดไหน ?
ลองนึกภาพตาม
ถ้าเรารู้ว่า DNA แต่ละรูปแบบส่งผลอย่างไรทั้งหมด
เรารู้ว่าเรียง DNA แบบนี้แล้วจะเกิดพรสวรรค์ด้านไหน หรือ เรียง DNA แบบไหนที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรง
พ่อแม่ในอนาคตก็น่าจะเลือกให้ลูกตัวเองมีพรสวรรค์หลายๆ อย่างตั้งแต่เกิด พร้อมกับร่างกายที่แข็งแรง
ทีนี้มองไปทางไหน เราก็คงจะเจอแต่เด็กอัจฉริยะเต็มไปหมด
ส่วนโรคมะเร็งคงจะสามารถรักษากันได้ง่ายๆ แล้ว เพราะว่าเราเข้าใจทุกรูปแบบของการเกิดโรค
และในอนาคตอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ก็น่าจะยาวขึ้นได้อีก
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องดี
แต่ถ้าสิ่งที่ศึกษากัน เกิดความผิดพลาด จนเกิดการกลายพันธุ์ ซึ่งเราไม่สามารถคาดเดาได้
ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้น เราอาจจะเห็นบางคนกลายเป็น กัปตันอเมริกา หรือ วูฟเวอรีน แบบในภาพยนตร์
ถ้าพูดในมุมมองประวัติศาสตร์
เราผ่านประวัติศาสตร์ในยุคที่สำคัญมาหลายครั้ง
ตั้งแต่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)
ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution)
ยุคแห่งข้อมูลดิจิตัล (Information Age)
และยุคต่อไป
เราอาจจะต้องเรียกว่า ยุคปฏิวัติมนุษย์ (Human Revolution) ก็เป็นได้..
----------------------
เวลาผ่านไป มนุษย์อาจจะเปลี่ยนไป แต่กดไลค์ ลงทุนแมนได้เหมือนเดิม
ติดตามบทความลงทุนแมน ได้ที่
-บล็อกดิท blockdit.com
-อินสตาแกรม instagram.com/longtunman
-ทวิตเตอร์ twitter.com/longtunman
-ไลน์ line.me/R/ti/p/%40longtunman
-หนังสือลงทุนแมน 3.0 ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.