จุดจบของ NOKIA

จุดจบของ NOKIA

24 เม.ย. 2018
จุดจบของ NOKIA / โดย ลงทุนแมน
เมื่อก่อนใครๆ ก็ใช้มือถือ Nokia
ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครพูดถึง Nokia
ก่อนหน้านั้น Nokia ยิ่งใหญ่ขนาดไหน
แล้ว Nokia ตอนนี้เหลืออะไรบ้าง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
บริษัท Nokia ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติฟินแลนด์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1865 ในธุรกิจโรงงานเยื่อกระดาษ
คงจะเป็นที่น่าแปลกใจไม่น้อยเพราะเราเคยรู้จัก Nokia ในยี่ห้อมือถือ
เมื่อเวลาผ่านไป Nokia ก็ได้เริ่มธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น ยาง, สายเคเบิล, กระดาษ, อาวุธ, พลาสติก, เคมีภัณฑ์, สินค้าอิเล็กทรอนิกส์, โทรคมนาคม และคอมพิวเตอร์
หรืออาจจะพูดได้ว่าในสมัยก่อน Nokia ทำแทบทุกอย่าง
ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยพยุงให้บริษัท Nokia อยู่รอดในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่าง สงครามโลกมาได้
แล้วจุดเปลี่ยนธุรกิจก็มาถึง
การเข้ามาของระบบ GSM (Global System for Mobile communications) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับช่องสัญญาณควบคุมและสัญญาณเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงในสมัยนั้น
บริษัท Nokia ได้มีโอกาสเข้าร่วมในการพัฒนาระบบนี้ขึ้นจนเกิดขึ้นเป็น GSM call ในปี 1991
เมื่อโทรศัพท์มือถือเริ่มได้รับความนิยมขึ้น ประกอบกับการที่ Nokia กำลังขาดทุนจากค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดจากธุรกิจมากมายที่ไม่ได้โฟกัส
Nokia จึงทำการยกเลิกธุรกิจอื่นทั้งหมด เพื่อเข้ามาโฟกัสธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ยุครุ่งเรืองของ Nokia
แรกเริ่ม Nokia ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการมือถือขึ้นมาโดยอิงต้นแบบมาจากคอมพิวเตอร์
โดยจะอยู่ในมือถือรุ่นแรกๆ เช่น Nokia 1011, Nokia 2110 และ รุ่นยอดนิยมที่เราคุ้นเคยกันดี Nokia 3310
หลังจากนั้นไม่นาน Nokia ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ขึ้นมา
ระบบปฏิบัติการใหม่นี้มีชื่อว่า Symbian ซึ่งเป็นของบริษัท Psion
ภายหลังบริษัท Psion ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Symbian Inc. ซึ่งเป็นที่มาของชื่อระบบปฏิบัติการนี้นี่เอง
บริษัท Symbian Inc. เกิดจากการที่ยักษ์ใหญ่ในวงการมือถือรวมตัวกันคือ Psion เดิม, โนเกีย, โมโตโรลา และอีริคสัน
ซึ่งระบบปฏิบัติการ Symbian เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับมือถือชนิดปุ่มกดและเน้นในการสื่อสารด้วยเสียงเป็นหลัก
ด้วยเหตุนี้ทำให้ระบบนี้เข้ากับยุคสมัยนั้นเป็นอย่างดี ซึ่งเรายังไม่เน้นการใช้ซอฟต์แวร์ในมือถือมากนัก
Nokia จึงสามารถทำยอดขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเวลาผ่านไป มือถือกำลังเปลี่ยนจากการใช้งานแค่เสียง (Voice) เป็นการใช้งานในลักษณะเหมือนยุคปัจจุบันแบบที่เราเห็นคือ เน้นการส่งข้อมูล (Data)
Nokia ก็ได้เล็งเห็นข้อนี้จึงได้พัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่แยกส่วนจาก Symbian มีชื่อว่า Maemo ซึ่งเป็นระบบที่ใช้สำหรับแท็บเล็ต
ในปี 2005 สินค้าตัวแรกของโนเกียที่ใช้ระบบ Maemo คือ Nokia N900 แท็บเล็ตได้ถูกปล่อยออกมา
เปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เราน่าจะรู้จักกันดี
ปี 2007 Apple เปิดตัว iPhone ในระบบ iOS
ปี 2008 Google เปิดตัวระบบ Android
แสดงว่า Maemo ออกมาก่อน iPhone ตั้ง 2 ปี
แล้วทำไมกลับกลายเป็น iPhone กับ Android ที่ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้
เรื่องนี้เป็นเพราะว่า Nokia ยังยึดติดกับระบบ Symbian ที่เป็นตัวทำเงินของบริษัทมานานแต่ไม่ทันสมัยและพัฒนาได้ยาก
ทำให้ Nokia ไม่สนใจระบบ Maemo ซึ่งทันสมัยแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะทำเงินได้หรือไม่
Nokia จึงหันกลับมาพัฒนา Symbian ต่อ
แต่สุดท้ายแล้ว Symbian ก็ไปไม่รอดเมื่อ Symbian ในช่วงหลังติดปัญหาในการพัฒนา
และยังมีคู่แข่งอย่าง iPhone กับ Android ซึ่งระบบมีเสถียรภาพดีขึ้นเรื่อยๆ
ส่วน Maemo ของบริษัทที่แทบไม่ได้งบประมาณจาก Nokia มาพัฒนาจึงไปไม่รอดเช่นกัน
Nokia จึงเริ่มแก้ปัญหาด้วยการจะเปลี่ยนไปใช้ระบบของบริษัทอื่นเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดมือถือไว้
Nokia ได้เลือกระบบ Windows Phone ซึ่งเป็นของ Microsoft
โดยที่เราเห็นในท้องตลาดก็จะเป็น Nokia Lumia รุ่นต่างๆ
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาคือไปไม่รอด เนื่องจากช่วงนั้นบริษัท Microsoft มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ช้ามาก
Nokia จึงมองหาตัวเลือกต่อไป คือ Asha Platform ซึ่งก็ไปไม่รอดเช่นกัน
เมื่อไปไม่รอดสักอย่าง Nokia จึงตัดใจขายกิจการโทรศัพท์มือถือ ให้กับ Microsoft ในปี 2014
ซึ่งถือว่าเป็นการปิดฉากธุรกิจโทรศัพท์มือถือของบริษัท Nokia ไปอย่างสมบูรณ์
แต่บริษัท Nokia ยังไม่ได้ปิดตัว
ปัจจุบันบริษัท Nokia เหลือเพียงธุรกิจเครือข่ายสัญญาณเท่านั้น
ต่อมาในปี 2016
โทรศัพท์มือถือของ Nokia ได้ย้ายจากบริษัท Microsoft มาอยู่กับบริษัท HMD Global โดยได้รับสิทธิบัตรการใช้ชื่อและเทคโนโลยีต่างๆ
บริษัท HMD Global เกิดจากพนักงานดั้งเดิมของ Nokia หลายๆ คนมารวมกันเพื่อที่จะปั้นมือถือ Nokia ให้กลับมาอีกครั้ง
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า Nokia จะกลับมาได้หรือไม่
แล้ว Nokia มีหุ้นไหม? หุ้นของ Nokia เป็นอย่างไรบ้าง?
หุ้นบริษัท Nokia Corporation ซึ่งจดทะเบียนในตลาด NYSE ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในปี 2000 ทำราคาสูงสุดที่ 62.50 ดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 5.43 ดอลลาร์สหรัฐ
แปลว่า ถ้าเราซื้อหุ้นนี้ตอนทำราคาสูงสุดเป็นเงินมูลค่า 100 บาท
ผ่านไป 18 ปีเราจะเหลือเงินอยู่เพียง 9 บาท
ปี 2016 รายได้ 9 แสนล้านบาท ขาดทุน 3 หมื่นล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 8.8 แสนล้านบาท ขาดทุน 5.7 หมื่นล้านบาท
บริษัท Nokia แสดงผลขาดทุนอย่างต่อเนื่องซึ่งบอกถึงแนวโน้มของบริษัทยังไม่ดีเท่าที่ควร
เรื่องนี้ก็อาจจะเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของเรื่องการไม่ปรับตัว
ซึ่งต้องบอกว่า Nokia เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนเจ้าอื่นแต่กลับไม่ยอมเปลี่ยนแปลงและยึดติดกับสิ่งเดิมๆ
ทำให้ Nokia ต้องจบธุรกิจโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงไป
ถ้าวันนี้เรามีธุรกิจของตัวเอง
อย่ายึดติดกับสิ่งเดิมมากจนเกินไป
ไม่เช่นนั้นก็เตรียมพบจุดจบเหมือนกับ Nokia..
----------------------
ติดตามบทความใหม่ ๆ ไม่ซ้ำเดิมของลงทุนแมน ได้ที่
-blockdit.com
-อินสตาแกรม instagram.com/longtunman
-ทวิตเตอร์ twitter.com/longtunman
-ไลน์ line.me/R/ti/p/%40longtunman
----------------------
Reference
-https://www.blognone.com/node/58767
-https://www.appdisqus.com/2014/04/27/end-of-era-good-by-the-nokia-we-know.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Nokia
-https://www.nokia.com/en_int/about-us/who-we-are/our-history
Tag: Nokia
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.