สงครามการค้าจีนสหรัฐ กระทบอะไรกับเรา?

สงครามการค้าจีนสหรัฐ กระทบอะไรกับเรา?

23 เม.ย. 2018
สงครามการค้าจีนสหรัฐ กระทบอะไรกับเรา? / โดย ลงทุนแมน
เร็วนี้ๆ เราน่าจะได้ข่าวกันว่า
ประเทศจีนที่มีการส่งออกอันดับหนึ่งของโลก
กำลังจะมีสงครามการค้ากับสหรัฐ
แล้วสงครามการค้าคืออะไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าเราเคยสั่งสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา สินค้าทุกชิ้นจะต้องเจอภาษีนำเข้า
ซึ่งอัตราภาษีนำเข้าของสินค้าแต่ละชนิดจะมีมูลค่าไม่เท่ากัน เป็นเหตุให้เราเห็นบางบริษัทต้องเข้ามาตั้งฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศไทย หรือทำการสั่งผลิตในประเทศไทยแทนการนำเข้าเพื่อลดภาษีนำเข้า
แล้วภาษีเกี่ยวอะไรกับสงครามการค้า
สมมติว่า ถ้าประเทศเราผลิตเหล็กได้มาก จนถึงขนาดว่าใช้ทั่วประเทศแล้วก็ยังไม่หมด ซึ่งแน่นอนว่าด้วยการผลิตที่เยอะจะทำให้ต้นทุนต่อชิ้นถูกลง
เราจึงทำการส่งเหล็กของประเทศเราออกขายต่างประเทศ
เมื่อเหล็กของเรามีราคาถูกมาก แม้ว่าจะโดนอัตราภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศแล้วก็ยังถูกว่าเหล็กที่ผลิตในประเทศนั้น
แน่นอนว่าเมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วอุตสาหกรรมผู้ผลิตเหล็กของประเทศที่นำเข้า ก็จะต้องย่ำแย่แน่ๆ
รัฐบาลของประเทศก็น่าจะต้องเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสูงๆ รวมถึงการเพิ่มระดับมาตรฐานของสินค้า
นอกจากนั้นแล้วคงน่าจะต้องรณรงค์การใช้เหล็กภายในประเทศตัวเอง
ทั้งหมดนั้นก็เพื่อป้องกันการล้มละลายของภาคอุตสาหกรรมที่โดนผลกระทบในลักษณะนี้
เรามาดูกรณีที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน
ในปี 2017 ประเทศสหรัฐอมเริกา
นำสินค้าเข้าเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
ส่งออกสินค้าเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
แสดงว่าสหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้าถึง 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือถ้าใช้ภาษาง่ายก็คือขาดทุนนี่เอง
ใน 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐนี้เป็นของจีนไปแล้วถึง 3.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อเห็นเป็นดังนี้แล้วทางสหรัฐอเมริกาจึงต้องการที่จะลดช่องว่างนี้ลงไป
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา จึงประกาศว่าต้องการที่จะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากจีน 1,300 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านเหรียญ
โดยในหมวดหลักๆ แล้วจะเกี่ยวข้องกับ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ซึ่งสหรัฐอเมริกานำเข้าจากจีนในปีที่แล้วสูงถึง 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อจีนได้ยินแบบนี้ แน่นอนว่าจีนต้องไม่ยอมอยู่เฉย
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนจึงโต้ตอบด้วยการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกาคืนเช่นกัน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 106 รายการคิดเป็นมูล 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน
แต่สินค้าที่จีนปรับอัตราภาษีนำเข้านั้นส่งผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาอย่างมาก นั่นคือสินค้าจำพวกถั่วเหลือง ข้าวโพดและสินค้าเกษตรอื่นๆ รวมถึงภาษีเครื่องบิน
ทำไมถั่วเหลืองจึงสำคัญ
สหรัฐอเมริกามีการผลิตถั่วเหลืองปีละประมาณ 100 ล้านตันซึ่งจีนซื้อไปมากถึงปีละประมาณ 30 ล้านตัน
นอกจากเรื่องที่เป็นผู้รับซื้อรายใหญ่แล้ว ถั่วเหลืองยังเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งหน้าอีกด้วย
เนื่องจากเกษตรกรในแถบ mid west ของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นฐานเสียงที่อาจพูดได้ว่าทำให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง นิยมปลูกข้าวโพดและถั่วเหลือง
อย่างรัฐมิชิแกน ซึ่งเคยเป็นฐานเสียงของเดโมแครตมาตลอดการเลือกตั้ง 6 สมัยในครั้งนี้ก็ได้กลับมาเลือก
รีพับลิกัน ซึ่งคะแนนเสียงที่ชนะในครั้งนี้ก็ถือว่าเฉือนชนะไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
หมายความว่า ถ้าภาษีนำเข้าถั่วเหลืองของจีนถูกปรับเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าย่อมมีผลต่อคะแนนเสียงครั้งหน้า
สำหรับในส่วนของเครื่องบิน จีนได้เคยมีคำสั่งซื้อเครื่องบินไว้กับ Boeing ตั้งแต่ปี 2015 เมื่อเกิดกำแพงภาษีขึ้นหมายความว่า จีนก็จะยกเลิกการสั่งซื้อและย้ายไปซื้อ Airbus ซึ่งเป็นบริษัทยุโรปแทน
ส่วนบริษัทเทคโนโลยีที่อยู่ในจีนอย่าง Apple หรือ Cisco ก็จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น
เมื่อเห็นเป็นแบบนี้แล้วทรัมป์จึงชะลอแผนทันที โดยบอกว่าจะไปหารืออีกทีในกลางเดือนพฤษภาคม
สุดท้ายแล้วถ้าสงครามการค้าเกิดขึ้นใครได้รับผลกระทบมากที่สุด
คำตอบก็น่าจะเป็นผู้ที่ใช้สินค้านั้นๆ นี่เอง
เพราะบริษัทที่ได้รับผลกระทบเรื่องภาษีคงไม่มีบริษัทไหนยอมลดกำไรของตัวเองลงเพื่อที่จะนำมาจ่ายภาษี
ทางเลือกสุดท้ายก็คือ การขึ้นราคาของสินค้าเพื่อชดเชยรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น
ดูเผินๆ แล้วจะเป็นเรื่องระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนซึ่งเป็นเรื่องไกลตัว
แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้กลับเป็นสิ่งที่น่าจะกระทบกับหลายอย่างที่เราใช้ในทุกวัน
ถ้าเกิดสงครามการค้าขึ้นจริง เราก็คงต้องเตรียมตัวซื้อไอโฟนในราคาที่แพงกว่าเดิมได้เลย..
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ฟรีไม่ต้องเสียภาษี ไม่ต้องเสียเงินที่
-แอปลงทุนแมน longtunman.com/app
-อินสตาแกรม instagram.com/longtunman
-ทวิตเตอร์ twitter.com/longtunman
-ไลน์ line.me/R/ti/p/%40longtunman
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.