เมื่อสงครามเกาหลีอาจสิ้นสุดลง

เมื่อสงครามเกาหลีอาจสิ้นสุดลง

18 เม.ย. 2018
เมื่อสงครามเกาหลีอาจสิ้นสุดลง / โดย ลงทุนแมน
เมื่อปีที่แล้วเราน่าจะได้ยินกันแต่ข่าว
เกาหลีเหนือกำลังจะทดสอบขีปนาวุธ
แต่ต้นปีที่ผ่านมาชาวเกาหลีเหนือเข้าร่วมงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้
และล่าสุดมีข่าวว่า เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้กำลังจะประกาศยุติสงครามอย่างถาวร
ทำไมเกาหลีเหนือถึงเปลี่ยนท่าทีได้รวดเร็วขนาดนี้
สงครามเกาหลีมีมานานแค่ไหนแล้ว
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับใครบ้าง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงประเด็นล่าสุด ต้องขอย้อนไปดูเรื่องราวของสงครามเกาหลีกันก่อน
ถ้าเราย้อนกลับไปดูแผนที่ภูมิศาสตร์จะพบประเทศเกาหลีอยู่ในจุดกึ่งกลางระหว่าง 3 ประเทศ จีน รัสเซีย และ ญี่ปุ่น ทำให้ในสมัยก่อนเป็นที่หมายตาของจีนและญี่ปุ่น ที่ต้องการจะเข้ามายึดครอง
สมัยยุคล่าอาณานิคม ญี่ปุ่นได้เริ่มเข้ามายึดครองประเทศรอบๆ เพื่อต้องการที่จะขยายอำนาจของประเทศให้ยิ่งใหญ่ขึ้น
ในปี 1910 ญี่ปุ่นได้เข้ายึดเกาหลีอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อประเทศเกาหลีเป็น “ประเทศโซเซน” (Chosen)
จนกระทั่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1945 ตอนที่ญี่ปุ่นใกล้แพ้สงคราม
สหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวียต มีข้อตกลงกันในการปลดอาวุธทหารญี่ปุ่น
โดยสหภาพโซเวียตจะเข้าปลดอาวุธในส่วนบนของคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งปัจจุบันก็คือ ส่วนหนึ่งของจีน และ เกาหลีเหนือ
ส่วนสหรัฐอเมริกาจะเข้าปลดอาวุธในส่วนใต้ของเกาหลี
ซึ่งกองทัพทั้งสองฝ่ายจะมาเจอกันที่เส้นขนานที่ 38 (เส้นแดนแบ่งเขตเกาหลีเหนือและใต้ในปัจจุบันนี้)
เมื่อทั้งสองฝ่ายมาเจอกันก็ประกาศให้เกาหลีเป็นอิสระทันที ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับเกาหลี
แต่จริงๆแล้ว นี่กลับกลายเป็นต้นเหตุของการแบ่งแยกเกาหลี
เพราะ หลังการประกาศปลดปล่อยเกาหลีให้เป็นอิสระ ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะให้เกาหลีปกครองแบบประชาธิปไตยหรือคอมมิวนิสต์ดี เมื่อตกลงกันไม่ได้จึงต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
เกาหลีเหนือ ปกครองแบบคอมมิวนิสต์ตามแบบ รัสเซีย
ส่วน เกาหลีใต้ ปกครองแบบประชาธิปไตยตามแบบ สหรัฐอเมริกา
แม้ว่าจะมีการแบ่งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ แต่ชาวเกาหลีทั้งสองฝ่ายก็พยามยามที่จะเจรจาเพื่อรวมประเทศกันหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ
เนื่องจากสหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวียต กลัวว่าถ้าสุดท้ายการปกครองเปลี่ยนไปอยู่ฝั่งที่ไม่ใช่ของตนเอง ก็จะทำให้ตนเองสูญเสียอำนาจในเกาหลีนั้นไป
มหาอำนาจทั้งสองจึงพยายามผลักดันให้ฝั่งตัวเองไปยึดครองอีกฝั่งแทนการเจรจา
จนในที่สุด เกาหลีก็ตกเป็นเหยื่อของสงครามเย็นระหว่าง สหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวียต
สงครามตัวแทนนี้มีอยู่ 4 ครั้ง คือ สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม สงครามอัฟกานิสถาน และวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในคิวบา
ในปี 1950 สงครามเกาหลีได้เกิดขึ้นโดยเกาหลีเหนือ ซึ่งในสมัยนั้นดูเหมือนว่าจะมีความยิ่งใหญ่กว่า ได้เข้าโจมตีเกาหลีใต้เพื่อต้องการรวมประเทศอีกครั้งหนึ่ง
สงครามดำเนินมาเป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปี
จนในที่สุดปี 1953 มีการเจรจาหยุดยิงกันชั่วคราว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมานั้นสงครามครั้งนี้ถือว่ารุนแรงและโหดร้ายมาก
ยอดผู้เสียชีวิตระหว่างสงครามเกาหลี
กองกำลังฝ่ายเกาหลีใต้ สหรัฐอเมริการวมถึงพันธมิตรที่ส่งกำลังมาช่วยทั้งหมด 178,236 คน
กองกำลังฝ่ายเกาหลีเหนือ สหภาพโซเวียต และ จีน ทั้งหมด 367,283 คน
พลเรือนเสียชีวิต และบาดเจ็บทั้งหมด 2.5 ล้านคน
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่แสดงถึงว่า คนที่สูญเสียมากที่สุดก็คือพลเรือนของประเทศที่มีสงคราม
หลังจากเหตุการณ์นี้ เกาหลีใต้ก็มีความพยายามที่จะเจรจาเพื่อที่จะยุติสงครามอย่างถาวร
แต่ก็ไม่สำเร็จ ทำได้เพียงแค่อนุญาตให้ชาวเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ที่พลัดพรากกันระหว่างสงครามมาเจอกันได้ภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น
เมื่อปีที่แล้ว เราน่าจะเห็นความขัดแย้งเริ่มมากขึ้นอีกครั้ง จนถึงขนาดที่เกาหลีเหนือมีการซ้อมยิงขีปนาวุธถึง 2 ครั้ง จนใครก็คิดว่าสงครามน่าจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ
กลับกลายเป็นว่าเรื่องค่อยๆ คลี่คลายลงได้และในปีนี้นายคิมจองอึน ได้มีท่าทีที่ลดความแข็งกร้าวลงอย่างชัดเจน
เริ่มจากการไปเข้าร่วมงานแข่งกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ล่าสุดได้มีการนัดพบ และนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้าเพื่อพูดคุยเกี่ยวการยุติสงครามเกาหลีอย่างถาวร
นอกจากนั้นแล้วยังจะมีการพูดคุยกับสหรัฐอเมริกาถึงเรื่องการปลดหัวรบนิวเคลียร์
เพราะอะไร คิมจองอึน ถึงได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้
ได้มีการคาดการณ์กันว่าเหตุผลหลักๆ น่าจะมาจาก 3 ข้อนี้
1) นายคิมจองอึน อาจต้องการให้ประเทศเกาหลีเหนือที่เขาปกครอง อยู่รอดอย่างถาวร ไม่ได้ชั่วคราวแบบที่เป็นอย่างทุกวันนี้
2) จากการที่นายคิมจองอึนมีต้นแบบคือประเทศจีน เขามองว่าตัวเขาก็สามารถรักษาอำนาจไว้ได้แม้จะไม่ต้องปิดประเทศเหมือนอย่างที่เราเห็นประเทศจีนในทุกวันนี้
3) เขาต้องการที่จะช่วยให้รัสเซียสามารถสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติไปขายยังเกาหลีใต้ได้โดยก๊าซธรรมชาติที่ส่งไปจะมีราคาที่ถูกกว่าที่เกาหลีใต้ได้รับจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งถ้าทำสำเร็จก็น่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ
ทีนี้เรามาลองดู GDP เปรียบเทียบกันระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
ปี 2016
GDP เกาหลีเหนือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 9 แสนล้านบาท รายได้เฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 3,384 บาท ต่อเดือน
GDP เกาหลีใต้มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 44 ล้านล้านบาท รายได้เฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 71,704 บาท ต่อเดือน
จะเห็นว่ารายได้เฉลี่ยต่อหัวต่างกันมากถึง 21 เท่า
แปลว่าการปิดประเทศของเกาหลีเหนือในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่แบ่งแยกดินแดนนั้นทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจเกิดความแตกต่างกันมากเลยทีเดียว
นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ชาวเกาหลีเหนือส่วนใหญ่แล้วจะต้องอยู่ในสภาวะที่ลำบากมาเป็นเวลานาน
แต่ถ้าในเร็วๆนี้ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้สามารถเซ็นสัญญาเพื่อยุติสงครามเกาหลีที่มีมานาน ก็อาจจะทำให้เกาหลีเหนือมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้
ทั้งที่ทั้ง 2 ประเทศนี้พูดภาษาเดียวกัน สัญชาติก็คือเกาหลีเหมือนกันทำไมถึงต้องมารบกันเพื่อชาติอื่น
ลองคิดดูเล่นๆว่า ถ้าตอนนั้นเกาหลีสามารถรวมประเทศได้สำเร็จ เราอาจจะได้เห็นเกาหลียิ่งใหญ่กว่าตอนนี้ก็เป็นได้..
----------------------
<ad> ติดตามลงทุนแมนได้ฟรีที่ แอปพลิเคชัน https://www.longtunman.com/app, instagram, twitter, youtube, line โดยค้นหา ไอดีชื่อ longtunman ในแพลตฟอร์มนั้น
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.