ยาหม่องตราเสือ รายได้เท่าไร?

ยาหม่องตราเสือ รายได้เท่าไร?

6 เม.ย. 2018
ยาหม่องตราเสือ รายได้เท่าไร? / โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามว่ามีสินค้าอะไรที่มีอายุกว่า 148 ปี
และทุกวันนี้ก็ยังขายดีอยู่ หลายคนอาจจะนึกไม่ออก
แต่ถ้าบอกว่า สินค้าที่ว่านี้คือ ยาหม่องตราเสือ
ทุกคนอาจจะร้องอ๋อ
วันนี้ลงทุนแมนจะพาทุกคนย้อนอดีตไปทำความรู้จักกับต้นกำเนิดของยาหม่องตราเสือ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรกัน
ตำนานของยาหม่องตราเสือ หรือตอนนี้เรียกว่า ไทเกอร์ บาล์ม ต้องย้อนไปถึงปี 1870
เมื่อโอ ชู กิง ซึ่งเป็นแพทย์สมุนไพรประจำราชสำนักของพระจักรพรรดิของจีนในสมัยนั้น ได้อพยพเข้าไปยังพม่า พร้อมกับเปิดร้านขายยาเล็กๆ ในย่างกุ้ง เพื่อขายยาหม่องที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดเมื่อยล้าของร่างกาย
สมัยนั้นเป็นช่วงที่พม่าอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ทำให้สินค้าต่างๆ ของอังกฤษรวมทั้งยาเข้ามาขายในพม่า
แต่คนส่วนใหญ่ไม่มีเงินไปซื้อยาของอังกฤษ ขณะที่โอ ชู กิง ได้พยายามนำยาหม่องไปให้แก่ลูกค้าใช้ ซึ่งการที่ยาหม่องของเขารักษาอาการได้หลากหลายตั้งแต่ปวดหัว ปวดท้อง แม้แต่ปวดฟัน จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ต่อมาในปี 1908 หลังจากที่โอ ชู กิง เสียชีวิตลง ลูกชายทั้ง 2 คนของเขา คือ โอ บุ้น ป่า และโอ บุ้น โฮ้ว ได้เข้ามารับช่วงต่อในการทำธุรกิจ
พร้อมทั้งขยายกิจการไปยังสิงคโปร์ ซึ่งประสบความสำเร็จในหลายประเทศ รวมไปถึงประเทศใกล้เคียง เช่น มาเลเซีย, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, จีน และไทย ทำให้ต่อมา ทั้งคู่ก็ได้ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ว่า ไทเกอร์ บาล์มหรือที่เรารู้จักกันว่า ยาหม่องตราเสือ นั่นเอง
ปัจจุบัน ยาหม่องตราเสือมีการส่งออกไปขายกว่า 100 ประเทศ ใน 6 ทวีปทั่วโลก
ยาหม่องตราเสือ เป็นสินค้าของบริษัท Haw Par Corporation ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในสิงคโปร์
โดยนอกจากเป็นเจ้าของยาหม่องตราเสือแล้ว บริษัทยังมีการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในกิจการอื่น และธุรกิจสันทนาการ หนึ่งในนั้นรวม underwater world ที่พัทยา ซึ่งผู้ก่อตั้ง Haw Par Corporation นั้นก็คือลูกชายของโอ บุ้น ป่า นั่นเอง
รายได้และกำไรของ Haw Par Corporation Limited
ปี 2557 รายได้ 3,650 ล้านบาท กำไร 2,828 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 4,231 ล้านบาท กำไร 4,349 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 4,779 ล้านบาท กำไร 2,963 ล้านบาท
ในปี 2558 ที่บริษัทมีกำไรมากกว่ารายได้ เกิดจากบริษัทลูก ซึ่งไม่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจหลัก
ในส่วนของประเทศไทยนั้น บริษัท โฮ้ว ป่า ไทเกอร์ บาล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายยาหม่องตราเสือในประเทศไทย
ปัจจุบัน แบรนด์ ไทเกอร์ บาล์ม ไม่ได้มีเพียงแค่ยาหม่องแต่ยังรวมไปถึงพลาสเตอร์บรรเทาปวด, ยาน้ำมัน, ครีม, สเปรย์ และแผ่นเจล เป็นต้น
ตลาดยาหม่องในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ยาหม่อง (บาล์ม) ประมาณ 75% และยาหม่องน้ำ 25%
รายได้และกำไร บริษัท โฮ้ว ป่า ไทเกอร์ บาล์ม (ประเทศไทย) จำกัด
ปี 2558 รายได้ 774 ล้านบาท กำไร 117 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 1,131 ล้านบาท กำไร 177 ล้านบาท
โดยทุกๆ ยอดขาย 100 บาท ของไทเกอร์ บาล์ม ในประเทศไทย จะเป็นต้นทุนประมาณ 62 บาท ค่าใช้จ่ายต่างๆ อีก 22 บาท เหลือเป็นกำไรประมาณ 16 บาท
แล้วเมื่อเทียบกับรายได้และกำไรของยาหม่องชื่อดังอย่างตราถ้วยทองเป็นอย่างไร
รายได้และกำไร บริษัท ถ้วยทองโอสถ จำกัด
ปี 2558 รายได้ 261 ล้านบาท กำไร 48 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 278 ล้านบาท กำไร 33 ล้านบาท
โดยทุกๆ ยอดขาย 100 บาทของถ้วยทองโอสถ จะเป็นต้นทุนประมาณ 40 บาท ค่าใช้จ่ายต่างๆ อีก 48 บาท เหลือเป็นกำไรประมาณ 12 บาท
ซึ่งจะพบว่ารายได้ของไทเกอร์ บาล์ม ประเทศไทย มีมากกว่าตราถ้วยทองประมาณ 4 เท่า ส่วนกำไรมากกว่าประมาณ 5 เท่า
และเคยสงสัยไหมว่า คำว่ายาหม่อง มีที่มาที่ไปอย่างไร
มีเรื่องเล่าว่า สมัยก่อนนั้นยาที่มีคุณภาพหลายอย่างที่สามารถรักษาได้สารพัดโรคมาจากพม่า
คนไทยจึงนิยมใช้ยาจากพม่า แรกๆ เราก็เรียกว่า ยาจากหม่อง
เรียกไปเรียกมาก็กลายเป็น “ยาหม่อง” อย่างที่ได้ยินทุกวันนี้นั่นเอง..
----------------------
<ad> ยาจากหม่องโดนเรียกเพี้ยนไป หากอยากซื้อหนังสือลงทุนแมน 2.0 เมื่อไร เชิญได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือติดตามกันได้ฟรีที่ แอป blockdit blockdit.com, instagram, twitter, youtube, line โดยค้นหา ไอดีชื่อ longtunman ในแพลตฟอร์มนั้น
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.