มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เห็นอะไรใน WhatsApp

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เห็นอะไรใน WhatsApp

26 มี.ค. 2018
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เห็นอะไรใน WhatsApp / โดย ลงทุนแมน
ในประเทศไทย แอปที่เราใช้แช็ตกันมากที่สุด น่าจะเป็น LINE
แต่รู้ไหมว่า คนอื่นในโลกใช้แอปอะไรกันมากที่สุด
คำตอบคือ “WhatsApp”
WhatsApp มีประวัติความเป็นมาอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
WhatsApp เป็นแอปพลิเคชัน ในการติดต่อสื่อสารด้วยข้อความ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 โดย Jan Koum ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำงานที่ Yahoo
การเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟน ทำให้ Koum เห็นเทรนด์ของแอปพลิเคชันมือถือ ว่าเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่น่าสนใจ
จึงได้ลองสร้างแอปที่จะโพสต์ Status บนหน้าสมุดโทรศัพท์ได้ แต่ช่วงแรกแอปยังมีปัญหาอยู่บ่อยครั้งจนเกือบล้มเลิกไปด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น เขาเห็นพฤติกรรมของผู้ใช้ว่า เมื่อเห็น Status แล้ว มันทำให้เราอยากพูดคุยกัน จึงเห็นศักยภาพในการทำแพลตฟอร์มสำหรับแช็ต ที่เหนือกว่า SMS ปกติ เนื่องจากการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ ทำให้ไม่มีค่าบริการในการส่งข้อความ และจะส่งหาใครกี่คน ที่ไหน เวลาใดก็ได้
ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี มีคนใช้บริการทันที 250,000 ราย
หนึ่งในปัจจัยที่แอปนี้ ได้รับความนิยม คือ พื้นฐานการใช้งานที่ง่าย ไม่ต่างจาก SMS ที่ผู้คนใช้ก่อนหน้านี้เลย และที่สำคัญคือไม่มีโฆษณา เพราะผู้ก่อตั้งไม่ชอบนั่นเอง
จนถึงปัจจุบัน จากข้อมูลผู้ใช้งานรายเดือน (Active Users) ในเดือน ม.ค. 2561 พบว่าแอปสำหรับแช็ต ที่มีคนใช้มากที่สุด มีดังนี้
อันดับ 3 WeChat จำนวนผู้ใช้งาน 980 ล้านราย
อันดับ 1 ร่วม Facebook Messenger จำนวนผู้ใช้งาน 1,300 ล้านราย
อันดับ 1 ร่วม WhatsApp จำนวนผู้ใช้งาน 1,300 ล้านราย
โดย WhatsApp ครองตลาดในทวีปยุโรป, อเมริกาใต้, แอฟริกา และอินเดีย
ขณะที่ Facebook Messenger ครองตลาดในสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก
ส่วน WeChat ครองตลาดในจีน
และ LINE มีผู้ใช้งานทั่วโลก 200 ล้านราย ครองตลาดในญี่ปุ่น, ไต้หวัน และไทย
ตอนนี้ใครเป็นเจ้าของ WhatsApp?
เมื่อเดือน ก.พ. 2557 Facebook ได้ตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 600,000 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการของ WhatsApp ถือเป็นหนึ่งในดีลบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีที่มูลค่าสูงมากในประวัติศาสตร์
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เห็นอะไรถึงได้ยอมลงทุนมหาศาลขนาดนี้
ณ ตอนนั้น WhatsApp ถือเป็นกิจการที่มีฐานลูกค้าสูง และเติบโตรวดเร็วมาก โดยมีรายได้จากค่าบริการราว 30 บาทต่อปีต่อหนึ่งผู้ใช้บริการ
ในปี 2557 บริษัทเปิดให้บริการมา 4 ปี มีผู้ใช้บริการ 470 ล้านราย โดย 70% เข้ามาใช้งานทุกวัน และมีคนสมัครใช้งานใหม่เพิ่มวันละ 1 ล้านราย
เมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ไม่มีใครโตเท่า WhatsApp ได้เลย
ใน 4 ปีแรก
Facebook มีลูกค้า 145 ล้านราย
Gmail 123 ล้านราย
Twitter 54 ล้านราย
Skype 52 ล้านราย
ขณะที่ในปีนั้น อัตราการเข้าถึงสมาร์ตโฟน เพิ่มขึ้นถึง 25% และแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ Facebook ลงทุนกับศักยภาพนี้ และครองโลกแห่งสังคมออนไลน์อย่างแท้จริง
และก็ดูเหมือนมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กจะตัดสินใจถูก เพราะผู้ใช้บริการได้เพิ่มจาก 470 ล้านรายในตอนนั้น มาเป็น 1,300 ล้านรายในตอนนี้
สรุปแล้วดูเหมือนว่า ในโลกแห่งการติดต่อสื่อสารกัน ตอนนี้จะไม่มีใครหนีพ้นบริษัท Facebook ไปได้
ใครเล่น Facebook ก็พูดคุยกันผ่าน Facebook Messenger ใครเล่นมือถือ ก็คุยกันผ่าน WhatsApp ตอนนี้ฐานลูกค้าเกินพันล้านรายทั้งคู่
ตอนนี้ Facebook ได้ยกเลิกค่าบริการรายปีของ WhatsApp ไปแล้ว เพื่อรักษาฐานลูกค้า สู้กับแอปแช็ตอื่นๆ ที่ให้โหลดฟรี แล้วค่อยหารายได้จากช่องทางอื่น โดย Facebook กำลังหาทางใช้ข้อมูลฐานลูกค้า ทำรายได้จากภาคธุรกิจ
จะเห็นได้ว่า ในโลกแห่งธุรกิจ บางทีเราก็จำเป็นต้องเลือกแผนกลยุทธ์
เราจะหาวิธีสร้างรายได้ก่อน แล้วค่อยหาตลาด
หรือ
เราจะสร้างฐานลูกค้าก่อน แล้วค่อยหาวิธีสร้างรายได้
ในกรณีนี้ ไม่ว่าจะตัว WhatsApp หรือ Facebook ทั้งคู่เลือกที่จะลงทุนกับลูกค้าก่อน
ถ้าลูกค้าติดใจสินค้าเรา อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
สุดท้ายรายได้ก็จะตามมาเอง..
----------------------
<ad> แต่ถ้าเราติดหนี้ดอกเบี้ยดอกเบี้ยบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลแสนแพง
มารวมหนี้ และลดดอกเบี้ยลงได้ เหลือเพียงเริ่มต้น 5.5% ด้วยบ้านหรือคอนโดของคุณ
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.