ทำไมชาวฟิลิปปินส์ นิยมออกไปหารายได้ ในต่างแดน

ทำไมชาวฟิลิปปินส์ นิยมออกไปหารายได้ ในต่างแดน

5 มี.ค. 2024
ทำไมชาวฟิลิปปินส์ นิยมออกไปหารายได้ ในต่างแดน /โดย ลงทุนแมน
“1.3 ล้านล้านบาท” คือมูลค่าเงินที่ชาวฟิลิปปินส์ผู้อพยพไปทำงานในต่างประเทศ
ส่งกลับประเทศบ้านเกิดต่อปี ซึ่งนับเป็นมูลค่าที่สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก
เป็นรองเพียงประเทศอินเดีย เม็กซิโก และจีน
โดยเงินจำนวน 1.3 ล้านล้านบาทนี้ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 9% ของ GDP ฟิลิปปินส์ ในปี 2022
ถ้าเทียบกับชาวอินเดีย ที่ส่งเงินกลับประเทศมากที่สุดในโลก ด้วยมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านบาท ยังคิดเป็นสัดส่วน 3% ของ GDP เท่านั้น
แล้วทำไมชาวฟิลิปปินส์ จึงนิยมออกไปทำงานหารายได้ที่ต่างประเทศ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในแต่ละปีจะมีชาวฟิลิปปินส์ อพยพไปทำงานที่ต่างประเทศราว 2 ล้านคน
ซึ่งสาเหตุหลักก็มาจากการที่ประเทศฟิลิปปินส์ มีอัตราการเกิดของประชากรเร็วกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ความต้องการจ้างงานจึงเพิ่มขึ้นไม่ทันกับจำนวนแรงงานที่เพิ่ม ส่งผลให้มีอัตราการว่างงานสูง
การหางานทำในฟิลิปปินส์จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
บวกกับอัตราค่าจ้างโดยเฉลี่ย ก็ไม่ได้สูงนัก
ส่งผลให้เงินที่หาได้ ไม่เพียงพอกับภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว
โดยภาระค่าใช้จ่ายที่ว่านี้ หมายถึงค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐาน
เช่น ค่าเล่าเรียนของลูก, ค่ายา, ค่ารักษาพยาบาลให้พ่อแม่
รวมไปถึงเงินที่ต้องกันไว้สำหรับยามเกิดภัยพิบัติ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในฟิลิปปินส์
ต้นทุนค่าใช้จ่ายพื้นฐานเหล่านี้ต่างก็อยู่ในระดับสูง
สวนทางกับอัตราค่าจ้างและรายรับที่หาได้
ชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งส่วนใหญ่มีรายได้ปานกลางค่อนไปทางต่ำ
ต่างก็อยากส่งเสียให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนเอกชนที่ดี จบการศึกษาในระดับสูง
เพื่อหวังให้อนาคตจะมีหน้าที่การงานที่สร้างรายได้มากขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิม
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ชาวฟิลิปปินส์ออกไปหางานทำในต่างประเทศ และส่งเงินกลับมาเป็นค่าใช้จ่ายหลักให้กับคนในครอบครัว เพราะงานในต่างประเทศนอกจากจะหาง่ายกว่าแล้ว ยังได้ค่าตอบแทนที่ดีกว่า อย่างน้อย ๆ ก็ดีกว่าค่าแรงเฉลี่ยในประเทศตัวเองเกือบ 3 เท่า
และนี่ก็ไม่ได้เป็นกระแสเพียงชั่วคราว แต่การไปทำงานในต่างประเทศเกิดขึ้นมานาน จนกลายเป็นค่านิยมของชาวฟิลิปปินส์ไปแล้ว..
ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีชาวฟิลิปปินส์จำนวนมาก อพยพไปทำงานในสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่จะไปเป็นคนงานในไร่ในสวน
ช่วงทศวรรษ 1970s ที่เป็นยุครุ่งเรืองของน้ำมัน ชาวฟิลิปปินส์ ก็นิยมอพยพไปทำงานก่อสร้างและงานในโรงกลั่นน้ำมันที่ประเทศในตะวันออกกลาง อย่างเช่น ซาอุดีอาระเบีย
ซึ่งในสมัยนั้นผู้ที่อพยพไปทำงานในต่างแดน ยังคงเป็นผู้ชายเป็นหลัก ก่อนที่ในทศวรรษ 1980s ผู้หญิงฟิลิปปินส์ต่างก็เริ่มออกไปหางานทำนอกประเทศมากขึ้นเช่นกัน
จนในปัจจุบัน ชาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานในต่างประเทศ มีสัดส่วนเป็นผู้หญิงมากกว่า
อย่างในปี 2022 ชาวฟิลิปปินส์ที่ออกไปหางานทำในต่างประเทศ เป็นผู้หญิงถึง 58%
โดยประเทศที่มีชาวฟิลิปปินส์ เลือกไปทำงานมากที่สุด ก็คือประเทศในแถบตะวันออกกลาง
หรือที่เรียกว่า “Gulf States” ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% นำโดยซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
อาชีพที่ชาวฟิลิปปินส์นิยม ก็แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ยกตัวอย่างเช่น
ซาอุดีอาระเบีย นิยมทำงานเป็นพนักงานโรงแรม, แม่บ้าน, พี่เลี้ยงเด็ก และพนักงานขับรถ
จีน นิยมทำงานเป็นนักร้องในโรงแรม
ฮ่องกง นิยมทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กและแม่บ้าน
ญี่ปุ่น นิยมทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง
และอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความนิยมสูงมากก็คือ ลูกเรือขนส่ง
ซึ่งชาวฟิลิปปินส์ได้กลายเป็นกำลังหลักของลูกเรือทั่วโลก โดยคิดเป็นกว่า 1 ใน 4 เลยทีเดียว
ในขณะเดียวกัน คนฟิลิปปินส์ที่มีทักษะสูงในวิชาชีพ ก็เกิดการสมองไหลไปประเทศอื่นเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็น วิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ ที่ต่างก็นิยมหางานทำในต่างประเทศ เพราะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
หมอและบุคลากรทางการแพทย์ นิยมไปทำงานในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศในยุโรปและตะวันออกกลาง
ทำให้ประเทศฟิลิปปินส์ ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์
รัฐบาลซึ่งรับรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ ได้พยายามออกนโยบายที่เชิญชวนให้คนฟิลิปปินส์ กลับมาทำงานในประเทศบ้านเกิด เช่น การการันตีว่าจะมีงานทำแน่นอน
การยกระดับเงินเดือนขึ้น ให้ทุนการศึกษากับลูก รวมถึงประกันสุขภาพ
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวฟิลิปปินส์ได้..
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเองก็ยังคงสนับสนุนระบบการศึกษา ที่ช่วยฝึกฝนและเตรียมพร้อมกับการไปทำงานต่างประเทศ โดยเฉพาะอาชีพที่ได้รับความนิยมสูง อย่างเช่น โรงเรียนพยาบาล, โรงเรียนช่างเรือ, โรงเรียนการโรงแรม รวมถึงศูนย์ฝึกการเป็นแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็ก
เพราะรัฐบาล รวมไปถึงชาวฟิลิปปินส์ ต่างก็ยกย่องกลุ่มคนที่ออกไปทำงานในต่างประเทศ ว่าเป็นฮีโร
ที่ยอมเสียสละ ละทิ้งครอบครัว ทิ้งลูกไว้ให้คนในครอบครัวช่วยเลี้ยง และออกไปทำงานส่งเงินกลับมาในประเทศ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของครอบครัว และถือเป็นการกระทำที่ช่วยเหลือประเทศ
แต่แน่นอนว่า การที่ประชากรออกไปทำงานต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ก็ไม่ได้มีเพียงด้านที่ดีเสมอไป
นั่นก็เพราะว่ากลุ่มคนที่ไปอยู่ต่างประเทศนั้น คือวัยที่เป็นเสาหลักของครอบครัว
นั่นหมายความว่า สังคมฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ ต้องทิ้งให้ผู้สูงอายุและเด็กอยู่บ้านกันเอง
กลุ่มผู้สูงอายุส่วนใหญ่ จึงขาดคนคอยดูแล โดยเฉพาะยามเจ็บไข้ได้ป่วย
ส่วนเด็ก ๆ ก็ต้องอยู่กับญาติแทน ไม่ได้มีพ่อแม่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ซึ่งแน่นอนว่าได้ส่งผลเสียต่อเด็กเหล่านี้
โดยงานศึกษาพบว่า เด็กฟิลิปปินส์ที่ต้องห่างจากพ่อแม่ที่ไปทำงานนอกประเทศ
มักมีผลการศึกษาในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และยังมีแนวโน้มเลิกเรียนกลางคันสูงกว่าด้วย
ซึ่งแม้ว่าพ่อแม่จะรับรู้ถึงความเสี่ยงเหล่านี้
แต่พวกเขาก็ยอมเลือกเส้นทางแบบนี้
เพราะมันอาจไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า นั่นเอง..
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.