รู้จัก Krungsri Investment Intelligence พร้อมเปิดมุมมองการลงทุนปี 2024

รู้จัก Krungsri Investment Intelligence พร้อมเปิดมุมมองการลงทุนปี 2024

23 ม.ค. 2024
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา x ลงทุนแมน
โลกการลงทุนกำลังเปลี่ยนแปลงไป เพราะสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มไม่เหมือนแต่ก่อน
ไม่ว่าจะเป็น อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่อยู่ในระดับสูงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED ที่แตะถึง 5.25-5.50% รวมไปถึงสถานการณ์ตลาดที่มีความผันผวนสูง
นักลงทุนจึงจำเป็นต้องอาศัยตัวช่วยอย่าง “บริการที่ปรึกษาด้านการลงทุน” มาตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงสู่เป้าหมายทางการเงินที่ต้องการ
อย่างทีม Krungsri Investment Intelligence ที่ช่วยดูแลต่อยอดความมั่งคั่งให้กับลูกค้า Wealth ของกรุงศรี พร้อมเปิดมุมมองการลงทุนในปี 2024
ลงทุนแมนจะสรุปเรื่องนี้ให้ฟัง..
Krungsri Investment Intelligence คือทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการลงทุน ที่ทำหน้าที่รวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูล ข่าวสาร และมุมมองการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศจาก Krungsri Group รวมถึงพันธมิตรระดับโลก ได้แก่
- ทีมวิจัยกรุงศรี ที่เชี่ยวชาญในเรื่องเศรษฐกิจมหภาค ภาพรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ
- ทีมงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ที่มีฐานข้อมูลและความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในเรื่องการเคลื่อนไหวของค่าเงิน อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย
- ทีมงานจาก บลจ.กรุงศรี บล.กรุงศรี และบล.กรุงศรี พัฒนสิน
- BlackRock บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก ที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ทั้งหมดนี้จะทำงานร่วมกันในการวิเคราะห์สถานการณ์และสร้างองค์ความรู้
เพื่อส่งมอบมุมมองและคำแนะนำด้านการลงทุนทั้งในประเทศและตลาดโลก ที่มีคุณภาพอย่างรอบด้านที่สุด (ONE Krungsri Investment View)
และสร้างกลยุทธ์ในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนของลูกค้า ตามเป้าหมายที่ต้องการ
ไล่เรียงตั้งแต่กลุ่มที่เพิ่งเริ่มลงทุนไปจนถึง กลุ่มที่ลงทุนขั้นสูงที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึก และผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความซับซ้อน
เช่น การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด, หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือแม้แต่การบริหารกองทุนส่วนบุคคลที่นักลงทุนสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายการลงทุนได้

รวมถึงมีการปรับพอร์ตการลงทุนของลูกค้า ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที

แล้วผลลัพธ์ที่การันตีคุณภาพทีม Krungsri Investment Intelligence เป็นอย่างไร ?

ในปี 2566 ที่ผ่านมา ทีม Krungsri Investment Intelligence เริ่มให้คำแนะนำการลงทุนใน Flagship Funds

โดยคัดสรรจากกองทุนที่มีให้เลือกลงทุนกว่า 200 กองทุนจาก 10 บลจ. ชั้นนำ เหลือเพียง 5 กองทุนที่บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ มีผลการดำเนินงานโดดเด่น และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในทุกภาวะตลาด

ซึ่งแม้ในช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีความผันผวน ทั้งจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED และการปิดกิจการของหลายธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป แต่ทั้ง 5 กองทุนนี้ก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกดังนี้ กองทุน KF-CSINCOM ให้ผลตอบแทน +3.56% กองทุน KFCORE ให้ผลตอบแทน +3.22% กองทุน KFGBARND ให้ผลตอบแทน +10.65% กองทุน KFESG ให้ผลตอบแทน +9.24% และกองทุน K-CHANGE ให้ผลตอบแทน +4.30% (ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี สิ้นสุดวันที่ 28 ธ.ค. 2566)
และยังสามารถคว้า 3 รางวัลด้านการลงทุน จากเวทีระดับสากล ได้แก่

- Best Private Equity Offering จากเวที The Global Private Banking Innovation Awards 2023
- Best Investment and Fund Advisory-Thailand จากเวที Citywire ASEAN Awards 2022/2023
- Top 25 ASEAN Selectors จากเวที Citywire ASEAN Awards 2022/2023 รางวัลที่คุณวิน พรหมแพทย์ แม่ทัพทีม Krungsri Investment Intelligence ได้รับในนามบุคคล

ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญ ในบทบาทที่ปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงศักยภาพในการพัฒนาและคัดสรรผลิตภัณฑ์การลงทุน ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม

แล้ว Krungsri Investment Intelligence มองสถานการณ์การลงทุนในปี 2024 เป็นอย่างไร ?

ทีม Krungsri Investment Intelligence มองว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะชะลอตัวในรูปแบบ Soft Landing และ FED มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงหลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ก็น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์
ซึ่งสินทรัพย์น่าลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่

1. ตราสารหนี้โลก
เพราะขณะนี้อัตราผลตอบแทน อยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 20 ปี
ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ มีความน่าสนใจมากนั่นเอง

ตัวอย่างกองทุนรวมตราสารหนี้ที่น่าสนใจ คือ KF-CSINCOM
กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก และบริหารโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก PIMCO

โดยปัจจุบันให้ผลตอบแทนคาดหวังสูงถึง 7-8%
ทำให้การลงทุนตราสารหนี้โลก มีโอกาสรับผลตอบแทน 2 ต่อ หากถือลงทุนตั้งแต่ 3-5 ปีขึ้นไป

ต่อที่ 1 คือ โอกาสรับดอกเบี้ยสูงในระดับ 7-8%
ต่อที่ 2 คือ โอกาสรับกำไรส่วนต่างราคา หากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลง

2. ตราสารทุนโลก
เพราะจากสถิติย้อนหลัง 40 ปี พบว่า เมื่อ FED ปรับดอกเบี้ยนโยบายถึงจุดสูงสุดแล้ว
ตลาดหุ้นมักจะมีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวก

ซึ่งหนึ่งในกองทุนรวมหุ้นที่กรุงศรีแนะนำ คือ KFGBRAND
กองทุนนี้จะลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพดี แข็งแกร่ง และทนทานในทุกสภาพตลาด

3. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่
เพราะกรุงศรีคาดการณ์ว่า หุ้นกลุ่มนี้จะยังมีกำไรเติบโตได้ดีกว่ากลุ่มอื่น ๆ ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
และน่าจะฟื้นตัวได้ดีในภาวะดอกเบี้ยขาลง

โดยกองทุนที่กรุงศรียกตัวอย่าง คือ KFHTECH ที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่
เช่น Microsoft, Apple, NVIDIA และ Alphabet

ที่น่าสนใจคือ กองทุนหลักของ KFHTECH ยังบริหารโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก BlackRock อีกด้วย

4. หุ้นยุโรป
ที่ถึงแม้เศรษฐกิจยุโรป อาจจะไม่ได้เติบโตเหมือนในอดีตแล้ว
แต่ด้วยราคาที่ซื้อขายลงมาถึง -2 SD ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปอยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงต่ำ

5. หุ้นญี่ปุ่น
เพราะได้รับประโยชน์ จากการปฏิรูประบบธรรมาภิบาลที่ผลักดันโดยทางการ
ส่งเสริมให้ลดการถือหุ้นไขว้ รวมถึงให้จ่ายกำไรสะสมออกมาเป็นเงินปันผลมากขึ้น

โดยแนะนำให้จัดพอร์ตแบบ Core & Satellite Portfolio แบ่งเป็น

- Core Portfolio ประมาณ 80% โดยเน้นลงทุนในสินทรัพย์ อย่างพันธบัตร หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก โดยกระจายอยู่หลากหลายประเทศ เช่น กองทุน KFGBRAND และ KF-CSINCOM
และต้องเป็นการลงทุนระยะยาว โดยมีระยะเวลาการลงทุนตั้งแต่ 5-7 ปีขึ้นไป

- Satellite Portfolio ประมาณ 20% โดยเน้นลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง โดยมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนดีในระยะสั้น เช่น กองทุน KFHTECH และ KFHEUROP

ที่สำคัญคือ แต่ละกองทุน ควรมีสัดส่วนไม่เกิน 5% ของพอร์ต
และเมื่อรวมกัน ควรมีสัดส่วนไม่เกิน 20% ของพอร์ตทั้งหมด
และนี่คือกลยุทธ์การลงทุนที่ Krungsri Investment Intelligence แนะนำในปี 2024

สำหรับนักลงทุนที่สนใจ สามารถเข้าไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขาทั่วประเทศ

หรือศึกษารายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.krungsri.com หรือ LINE: @krungsriexclusive

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ก่อนการตัดสินใจลงทุน

Reference:
-ข่าวประชาสัมพันธ์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.