แบรนด์จีน กำลังไล่ต้อน แบรนด์ญี่ปุ่น จากเครื่องใช้ไฟฟ้า สู่รถยนต์ /โดย ลงทุนแมน
Sony, Hitachi, Sharp, Mitsubishi Electric, Panasonic ชื่อเหล่านี้ ต่างเคยเป็นผู้นำที่ครองตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อ 20 ปีที่แล้ว อย่างสมบูรณ์

แต่ปัจจุบัน แบรนด์จีนอย่าง TCL, Hisense, Lenovo, Xiaomi ได้เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด และค่อย ๆ แทนที่แบรนด์ญี่ปุ่นด้านบนแทบทั้งหมด

ซึ่งภาพนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น เพราะในตลาดรถยนต์ แบรนด์จีนทั้ง BYD, CHANGAN, GWM, MG ก็ขึ้นมาสู้แบรนด์เจ้าตลาดญี่ปุ่น อย่าง Toyota, Honda ได้อย่างไม่น้อยหน้า

เรียกได้ว่า แบรนด์จีนกำลังไล่ต้อนแบรนด์ญี่ปุ่น และทำให้ญี่ปุ่นกำลังตกที่นั่งลำบากมากขึ้น

แล้วเรื่องนี้ เป็นเพราะแบรนด์ญี่ปุ่น กำลังตกต่ำลง
หรือแบรนด์จีน กำลังแข็งแกร่งมากขึ้น ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนไปเมื่อ 10 ถึง 20 ปีที่แล้ว แบรนด์ญี่ปุ่นถือว่าเป็นผู้นำด้านสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้ามากมาย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องของคุณภาพเป็นหลัก

แต่การเน้นคุณภาพสูง ก็แลกมาด้วยความพิถีพิถัน และต้นทุนการผลิตที่สูง จึงทำให้ราคาขายก็สูงตาม ซึ่งทำให้แบรนด์ญี่ปุ่น อาจดูแพงในสายตาของผู้บริโภค

การมีราคาที่แพง มีคุณภาพสูง จึงกลายเป็นช่องว่างให้แบรนด์จากจีน เข้ามาผลิตสินค้าที่คุณภาพอาจรองลงมา แต่ใช้วิธีตั้งราคาขายถูกกว่า เข้าสู้แทน

ซึ่งก็ต้องแลกมาด้วยการกดต้นทุนให้ต่ำ ไล่ตั้งแต่
การใช้แรงงานราคาถูก เน้นผลิตชิ้นส่วนเองทั้งหมด ใช้วัสดุที่เกรดรองลงมา และลดสเป็กการใช้งานบางส่วนออกไป

ด้วยกลยุทธ์นี้ ทำให้ลูกค้าส่วนหนึ่งที่มองหาสินค้าคุณภาพปานกลาง แต่มีราคาย่อมเยา ต่างเริ่มหันไปใช้แบรนด์จีนมากขึ้น

และอีกเรื่องหนึ่งคือ แบรนด์ญี่ปุ่นเน้นพัฒนา
เทคโนโลยีของตัวเอง เพื่อให้ไม่เหมือนใคร

แต่กลยุทธ์แบบนี้ กลับทำให้แบรนด์ญี่ปุ่นเติบโตได้ช้า เพราะต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
ในขณะที่จีนกลับใช้วิธีที่แตกต่างออกไป นั่นคือ ลอกเลียนแบบเทคโนโลยี และนำมาปรับใช้กับตนเอง

ตัวอย่างเช่น Hisense แบรนด์โทรทัศน์จีน เคยเป็นผู้รับจ้างผลิตโทรทัศน์ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ก่อนจะเริ่มเรียนรู้การผลิต และหันมาทำโทรทัศน์แบรนด์ของตัวเองขาย

แม้จะมีข้อเสียในช่วงแรก เช่น สินค้าไม่มีความแตกต่าง และสร้างความไม่พอใจให้หลาย ๆ แบรนด์ต่อกลยุทธ์การเลียนแบบของจีน
แต่ก็ทำให้จีนก้าวขึ้นมามีแบรนด์ของตัวเองได้

รวมถึงมีทางลัดในการเรียนรู้เทคโนโลยี และ Know-How ต่าง ๆ เพื่อนำสินค้าออกสู่ตลาด

และเมื่อธุรกิจมีฐานลูกค้าและรายได้เข้ามามากขึ้น
บรรดาแบรนด์จีนเหล่านี้ ก็มีทุนเอาไปลงทุนใน R&D และพัฒนาสินค้าต่อไป

ซึ่งพอสินค้ามีคุณภาพดีขึ้น และมีลูกเล่นมากขึ้น ก็ทำให้กลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง เริ่มเชื่อมั่นและสนใจลองมาใช้แบรนด์จีน กันมากขึ้น

เห็นได้จากโทรทัศน์จีนอย่าง Hisense, TCL, Xiaomi ที่เมื่อก่อนไม่เคยมีบทบาทในเวทีโลก แต่ตอนนี้สามารถครองตลาดกว่า 30% ของทั้งโลกได้แล้ว

นอกจากเรื่องราคาแล้ว แบรนด์จีนยังเน้นเรื่องการตลาดอย่างหนัก เช่น กวาดซื้อพื้นที่สื่อในช่องทางต่าง ๆ ของประเทศที่ไปทำตลาด หรือสนับสนุนโฆษณาในการแข่งขันฟุตบอลในหลาย ๆ ประเทศ

ทำให้คนทั่วโลกเห็นแบรนด์สินค้าจีนได้อย่างเต็มที่ เป็นการทำให้คนคุ้นเคย รวมถึงช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์

จนกระทั่งมาสู่การแข่งขันอุตสาหกรรมรถยนต์..

แบรนด์จีนที่นำโดย BYD ขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ทั่วโลกกว่า 3 ล้านคัน ในปี 2023 แซงหน้า Tesla ที่เป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามาก่อนหน้านี้

เมื่อเทียบกับ Toyota ซึ่งเป็นผู้นำรถยนต์ญี่ปุ่น ด้วยยอดขายทั่วโลกกว่า 10 ล้านคัน เท่ากับว่า BYD มียอดขายห่างเพียง 3 เท่ากว่า ๆ

แต่อย่าลืมว่า Toyota ทำธุรกิจรถมานานเกือบ 90 ปี
ในขณะที่ BYD เพิ่งมาจับธุรกิจรถได้เพียง 21 ปี

ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับแบรนด์รถยนต์จีน
ส่วนหนึ่ง มาจากการที่รัฐบาลจีน ผลักดันอุตสาหกรรม EV ของตัวเองอย่างหนัก เพื่อชิงที่หนึ่งของโลก

ไม่ว่าจะเป็น
- การอุดหนุนราคารถไฟฟ้าในประเทศ
- สร้างสถานีชาร์จรถไฟฟ้าทั่วประเทศ
- สนับสนุนเงินให้บริษัท ที่ทำธุรกิจแบตเตอรี่
- เข้าครอบครองแหล่งแร่ ที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่

การทำแบบนี้ ทำให้รถยนต์จีนได้เปรียบรถจากต่างประเทศ ทั้งด้านต้นทุนและราคาที่แข่งขันได้มากกว่า

บวกกับการเปิดให้โรงงานผลิตรถยนต์ต่างชาติ
ทั้ง Volkswagen, Toyota, BMW เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศตัวเอง สมัยเติ้ง เสี่ยวผิง เปิดประเทศ

ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่จีนใช้เป็นประจำ คือ การลอกเลียนแบบเทคนิคการผลิตรถยนต์ให้มีคุณภาพ แล้วนำมาปรับใช้กับตัวเองให้มีเอกลักษณ์มากขึ้น

และจีนเลือกที่จะแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า
เพราะยังไม่มีแบรนด์รถยนต์ประเทศไหน ที่ครองตลาดได้อย่างเบ็ดเสร็จ

โดยสิ่งที่จีนทำคือ การดึง Tesla ให้เข้ามาตั้งฐานการผลิต เพื่อสร้างเครือข่ายซัปพลายเชนของอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า รวมถึงกระตุ้นการแข่งขัน ให้ค่ายรถยนต์จีนตื่นตัว เร่งพัฒนารถของตัวเอง

จนตอนนี้ เกิดแบรนด์รถไฟฟ้าจีนที่แข็งแกร่ง ไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ ที่สามารถผลิตรถไฟฟ้าในคุณภาพที่คนทั่วโลกยอมรับ ออกมาได้สำเร็จ

อย่างเฉพาะที่ไทย ในปี 2023 ที่ผ่านมา
10 อันดับรถไฟฟ้า ที่มียอดขายมากที่สุด เป็นแบรนด์จีนไปแล้ว 8 อันดับ ซึ่งไม่มีแบรนด์ญี่ปุ่นเลย..

เรียกได้ว่า จีนกำลังไล่ต้อนญี่ปุ่น ตั้งแต่แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงรถยนต์ ก็คงไม่ผิดมากนัก

อ่านมาถึงตรงนี้ คงพอเห็นภาพแล้วว่า จริง ๆ แล้ว
แบรนด์ญี่ปุ่นไม่ได้ตกต่ำเลย เพราะคุณภาพของสินค้า ก็ยังเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก

แต่เพราะจีน ปั้นแบรนด์ตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น
โดยเริ่มจากเน้นขายสินค้าราคาถูก ที่มีคุณภาพรองลงมา ในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า

ก่อนจะต่อยอดคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้น ด้วยการเน้นลงทุนกับ R&D และพัฒนานวัตกรรมของตัวเองมากขึ้น

ซึ่งก็เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่มีก้าวแรกมาจากการเรียนรู้เทคนิค การผลิตรถให้ได้คุณภาพสูง และการสนับสนุนที่เข้มข้นจากภาครัฐ

ทำให้ตอนนี้ แบรนด์จีนก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ระดับโลก ที่กำลังเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของแบรนด์ญี่ปุ่น

และหากผลลัพธ์ในลักษณะนี้ ยังคงดำเนินต่อไป
ก็ไม่แน่ว่าในอนาคต เราอาจเห็น BYD จากจีน โค่น Toyota จากญี่ปุ่น ที่เป็นผู้นำตลาดรถยนต์มานาน ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.wsj.com/.../SB1000087239639044484010457755197
-https://www.bbc.com/news/world-asia-21992700
-https://money.cnn.com/.../japanese-companies.../index.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Electronics_industry
-https://en.wikipedia.org/.../List_of_Japanese_inventions...
-https://www.grandviewresearch.com/indus.../appliances-market
-https://www.icinsights.com/.../Lone-Japanese.../
-https://technology.inquirer.net/.../from-sony-to-samsung...