วิเคราะห์ดีล บางจากฯ ซื้อกิจการ Esso แบบเข้าใจง่าย ๆ

วิเคราะห์ดีล บางจากฯ ซื้อกิจการ Esso แบบเข้าใจง่าย ๆ

13 ก.ย. 2023
วิเคราะห์ดีล บางจากฯ ซื้อกิจการ Esso แบบเข้าใจง่าย ๆ
บางจาก X ลงทุนแมน
“การเข้าซื้อกิจการบริษัท Esso ถือเป็นดีลประวัติศาสตร์ด้านพลังงานเมืองไทย และเรามั่นใจว่าจะคืนทุนภายใน 5 ปี”
คุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการซื้อกิจการ Esso มูลค่าเกือบ 35,000 ล้านบาท
ส่วนเหตุผลการขายกิจการครั้งนี้ของ Esso
คุณชัยวัฒน์ บอกว่า จากการพูดคุยกับทีมผู้บริหาร Esso เหตุผลเพราะ Esso มีธุรกิจพลังงานหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ที่ผ่านมา อาจดูแลธุรกิจไม่ทั่วถึง
ที่น่าสนใจคือ ผู้บริหาร Esso ในเมืองไทย เชื่อมั่นว่าถ้าบางจากฯ เข้ามาบริหารธุรกิจจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม
อะไรที่ทำให้ทั้งบางจากฯ และ Esso เชื่อมั่นว่า ดีลนี้จะสร้างการเติบโตได้ดี ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
จริง ๆ แล้วเหตุผลของความมั่นใจนี้ น่าจะมาจาก 2 เรื่องหลัก ๆ
1. สินทรัพย์ที่ได้จากการซื้อกิจการครั้งนี้ จะทำให้ขนาดธุรกิจ บางจากฯ ใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว และจะมีอำนาจต่อรองสูง โดยเฉพาะการซื้อ-ขาย น้ำมันดิบในตลาดโลก
ที่สำคัญ สินทรัพย์ต่าง ๆ ที่ได้จาก Esso เมื่อนำมาต่อยอดจากธุรกิจในปัจจุบันของ บางจากฯ จะช่วยเพิ่มมูลค่าและรายได้อย่างมหาศาล โดยบางจากฯ ตั้งเป้ารายได้ในปี 2567 มากกว่า 5 แสนล้านบาท
2. การเปลี่ยนถ่ายสู่รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Car ยังคงต้องใช้เวลาอีกนาน ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง โดยข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า รถเครื่องยนต์สันดาปยังมีถึงกว่า 90% บนถนนเมืองไทย และจากการสำรวจการใช้น้ำมัน ยังมีความต้องการใช้ไปอีก 35-40 ปี
สะท้อนว่าจะยังคงมี ความต้องการใช้รถยนต์น้ำมันต่อไปอีกนาน ทำให้การลงทุนของบางจากฯ ครั้งนี้ มีแนวโน้มสูงที่จะคืนทุนในระยะเวลาเพียงไม่เกิน 5 ปี ตามที่คุณชัยวัฒน์ได้บอกไว้
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา
บางจากฯ ได้ชำระเงินซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คิดเป็น 65.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 9.8986 บาท คิดเป็นเงิน 22,605.92 ล้านบาท
ส่วนหุ้นอีก 34.01% ที่เหลือ หรือมูลค่าราว ๆ 11,651 ล้านบาท บางจากฯ จะทำการซื้อจากผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ โดยคาดว่าจะสิ้นสุดในช่วงเดือนตุลาคม ปีนี้ ทำให้การซื้อกิจการ Esso ครั้งนี้ บางจากฯ ต้องใช้เงินประมาณ 34,257 ล้านบาท
และถ้าถามว่าดีลนี้ คุ้มค่าหรือไม่นั้น
ก็ต้องมาดูกันก่อนว่า บางจากฯ ได้อะไรจากดีลนี้ และพอนำมาบวกกับโครงสร้างธุรกิจที่มีอยู่ของตัวเอง จะสร้างประโยชน์ได้มากแค่ไหน ?
บางจากฯ จะได้โรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 800 ไร่ ในจังหวัดชลบุรี ที่มีเทคโนโลยีระดับโลก มีกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อบวกกับโรงกลั่นของบางจากฯ ที่พระโขนง จะสามารถกลั่นน้ำมันรวมกันราว ๆ 300,000 บาร์เรลต่อวัน
ขณะเดียวกันโรงกลั่นทั้ง 2 แห่งยังมีเทคโนโลยีต่างกัน ข้อดีคือ สร้างความยืดหยุ่นในการผลิตน้ำมันได้หลากหลาย ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงด้านความต้องการน้ำมันในตลาดได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับน้ำมันที่จะให้บริการลูกค้านั้น คุณชัยวัฒน์ บอกว่า จะใช้สูตรของบางจากฯ โดยเป็นน้ำมันคุณภาพสูงจากโรงกลั่นระดับโลกทั้ง 2 โรงกลั่น ที่สำคัญเหมาะกับรถยนต์ต่าง ๆ ในประเทศไทย
ทำให้ในเบื้องต้นทั้ง 2 โรงกลั่นจะมีหน้าที่หลักคือ กลั่นน้ำมันส่งไปยัง สถานีบริการน้ำมันบางจาก และสถานีบริการน้ำมัน Esso ที่จะทยอยเปลี่ยนป้ายเป็น บางจาก รวมกันกว่า 2,200 สาขา ในจำนวนนี้ จะแบ่งเป็นสถานีบริการน้ำมัน Esso กว่า 800 สาขา ที่ บางจากฯ ได้มาจากการซื้อกิจการ โดยแบ่งเป็น 280 สาขาเป็นของทางบริษัท Esso ส่วนที่เหลือจะเป็นของดีลเลอร์
ที่น่าสนใจ บางจากฯ เชื่อมั่นว่า ด้วยชื่อชั้นแบรนด์และนโยบายที่สนับสนุนดีลเลอร์ จะทำให้เมื่อสัญญาบริหารสถานีบริการน้ำมันสิ้นสุดลง ดีลเลอร์ต่าง ๆ จะตัดสินใจต่อสัญญา เพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อม ๆ กับบางจากฯ
ที่น่าสนใจคือ สถานี Esso เดิม บางจากฯ ก็มีแผนการจะรีโนเวตให้ทุกสาขามีความสดใหม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้
โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ Non-oil เช่น ร้านกาแฟ, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหาร, ศูนย์บริการต่าง ๆ ที่เป็นธุรกิจที่มีกำไรดีกว่า “น้ำมัน” จะมีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มแบรนด์ต่าง ๆ เข้ามา สำหรับแบรนด์ของบางจากฯ อย่าง Inthanin, FURiO หรือจะเป็นแบรนด์ของพันธมิตรนั้น คงต้องดูตามความเหมาะสมของทำเลในแต่ละสถานีบริการน้ำมัน
ส่วนสมาชิก Esso Smiles ราว 3.5 ล้านราย ยังใช้บัตรเดิมสะสมคะแนนและแลกรับส่วนลดน้ำมันได้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ที่สถานีบริการน้ำมัน Esso เดิม โดยเราสังเกตได้จากป้ายโฆษณาหน้าสถานีบริการน้ำมัน
แต่ทางเลือกที่น่าสนใจคือ สมาชิก Esso Smiles สามารถโอนคะแนนสะสม มาเป็นคะแนนบางจากกรีนไมลส์ได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2566 ถึง 31 สิงหาคม 2567 และจะได้คะแนนโบนัสเพิ่ม 100 คะแนนทันที ถ้าโอนย้ายภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ จะทำให้ธุรกิจ บางจากฯ ใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว นอกจากได้โรงกลั่นที่จะทำให้มีกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น, จำนวนสถานีบริการ และกลุ่มธุรกิจ Non-oil ที่จะเพิ่มขึ้นแล้ว บางจากฯ ยังได้เครือข่ายคลังน้ำมัน สต๊อกน้ำมันและโรงงานอะโรเมติกส์ มีกำลังการผลิตพาราไซลีนด้วย
ขนาดที่ใหญ่ขึ้นจะทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาดด้านต้นทุน มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการขนส่งน้ำมันและสินค้าต่าง ๆ ไปยังสาขาทั่วประเทศ
จากแผนการทั้งหมดนี้ถือเป็น Big Move ที่บางจากฯ คิดไว้แล้ว ในการซื้อกิจการ Esso ที่จะทำให้ธุรกิจของตัวเองแข็งแกร่ง และไปได้ไกลกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด
ด้วยขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ย่อมส่งผลต่อโครงสร้างต้นทุนต่อหน่วยในธุรกิจต่าง ๆ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สิ่งที่ตามมาก็คือ สามารถนำเสนอสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้าได้ในราคาเข้าถึงได้ง่าย
และรู้ไหมว่า ดีลประวัติศาสตร์นี้ คนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่แค่ บางจากฯ แต่ยังหมายถึง ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เพราะ บางจากฯ เป็นบริษัทพลังงานไทย การเข้าซื้อ Esso ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติ เสมือนเป็นการช่วยเพิ่มปริมาณเชื้อเพลิงสำรองในประเทศ
จึงพอสรุปได้ว่า.. คงไม่มีดีลไหน คุ้มค่ากว่านี้อีกแล้ว เพราะไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่งได้ประโยชน์ แต่หมายถึง คนไทยทั้งประเทศ นั่นเอง

Reference
-งานแถลงข่าว บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.