หุ้นเฟซบุ๊ก +156% ตั้งแต่ต้นปี รายได้โตสุด ในรอบ 6 ไตรมาส

หุ้นเฟซบุ๊ก +156% ตั้งแต่ต้นปี รายได้โตสุด ในรอบ 6 ไตรมาส

27 ก.ค. 2023
หุ้นเฟซบุ๊ก +156% ตั้งแต่ต้นปี รายได้โตสุด ในรอบ 6 ไตรมาส /โดย ลงทุนแมน
“17,000,000 ล้านบาท” คือมูลค่าบริษัท Meta เจ้าของเฟซบุ๊ก และ อินสตาแกรม ที่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้ คิดเป็นราว 146%
เฟซบุ๊ก เรียกได้ว่าเผชิญปัญหามาเป็นปี ทั้งทางด้านรายได้ที่
-เม็ดเงินโฆษณาทั่วโลกชะลอตัวลง
-นโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปเปิล
-การเข้ามาแย่งส่วนแบ่งจาก TikTok
ในขณะที่ค่าใช้จ่าย บริษัทก็ได้ลงทุนหนักไปใน Metaverse จนไตรมาสที่ 2 ปีที่แล้ว ในตอนนั้น รายได้ลดลงครั้งแรกตั้งแต่ตั้งบริษัท
หลังจากนั้น มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ตัดสินใจปลดพนักงาน ไปกว่า 21,000 ราย และ ปรับกลยุทธ์ในการลงทุน และก็ดูเหมือนจะกลับมาได้ในปีนี้
จนเมื่อคืน เฟซบุ๊ก ก็ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เริ่มกันที่ ผลประกอบการ ไตรมาสที่ 2 ปี 2023
รายได้ 1,100,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%
กำไร 266,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%
การเติบโตของรายได้ นับเป็นการกลับมาเติบโต สองหลักอีกครั้ง นับตั้งแต่ปลายปี 2021 หรือในรอบ 6 ไตรมาส หลังจากปีที่แล้ว รายได้ลดลงติดต่อกัน 3 ไตรมาสรวด
ในขณะที่ กำไรเพิ่มขึ้น หลัก ๆ เป็นผลมาจากจำนวนพนักงานที่ลดลง ราว 10,000 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยทั้งรายได้ และ กำไร เฟซบุ๊ก ทำได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้
แล้วทั่วโลก ยังใช้เฟซบุ๊ก กันอยู่ไหม ?
เรามาดูตัวเลขผู้ใช้งานล่าสุดกัน
-ผู้ใช้งานทุกแอป ต่อวัน 3,070 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 7%
-ผู้ใช้งานทุกแอป ต่อเดือน 3,880 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 6%
-ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ต่อวัน 2,060 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 5%
-ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ต่อเดือน 3,030 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 3%
และก็เป็นธรรมเนียมประจำไตรมาส มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก จะออกมาโพสต์บน เฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับผลประกอบการและทิศทางของบริษัท
แล้วไตรมาสนี้ ซักเคอร์เบิร์ก พูดอะไรบ้าง ? เรามาดูอัปเดตสำคัญ ๆ กัน
ซักเคอร์เบิร์ก เริ่มด้วยประโยคที่ว่า “ไตรมาสนี้เป็นไตรมาสที่ดี” มีผู้ใช้งานแอป ของบริษัททะลุ 3,800 ล้านบัญชีแล้ว
ถ้านับแค่เฟซบุ๊ก ก็ทะลุ 3,000 ล้านบัญชี ต่อเดือนและในตลาดบ้านเกิด อย่างสหรัฐอเมริกา และ แคนาดา ก็ยังมีคนเล่นเฟซบุ๊ก เป็นประจำทุกวัน เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้
ซักเคอร์เบิร์ก บอกว่าธุรกิจหลักกลับมาได้แล้ว และก็ได้มีการอัปเดตเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังทำอยู่เพิ่มเติม เกี่ยวกับ
-Threads ที่ก็อบมาจาก Twitter หรือ X
-Reels ที่ก็อบมาจาก TikTok
-Llama 2 โมเดลภาษาปัญญาประดิษฐ์โอเพนซอร์ส สำหรับใช้ในเชิงพาณิชย์และสำหรับการวิจัย ที่ร่วมพัฒนากับ Microsoft
รวมไปถึง AI และ การเปิดตัวแว่น AR/VR อย่าง Quest 3 ในปลายปีนี้
Threads มีผู้ใช้งาน ทะลุ 100 ล้านบัญชี ใน 5 วัน เร็วสุดในประวัติศาสตร์ ทำลายสถิติ ChatGPT ไปได้สำเร็จ
ซึ่งตรงนี้ ซักเคอร์เบิร์ก ก็ได้บอกว่ากำลังโฟกัสไปที่ ทำอย่างไรให้คนที่เข้ามาเล่น ยังคงเข้ามาสม่ำเสมอ ไม่หายไปไหน
หากสามารถรักษาเอาไว้ได้ สเต็ปต่อไปก็จะเริ่มนำไปหารายได้ มีสูตรอยู่แล้ว เดาได้เลยว่าจะนำไปเป็นเครื่องจักรยิงโฆษณา แบบเฟซบุ๊ก และ อินสตาแกรม..
นอกจากในมุมคนเล่นแล้ว ซักเคอร์เบิร์ก ก็ยังได้แชร์ว่าในมุมของผู้พัฒนา Threads สร้างขึ้นมาจากทีมที่เล็กมาก ๆ ในเวลาที่จำกัด
สะท้อนให้ว่า เฟซบุ๊ก สามารถปั้นแอป เข้าไปทดสอบตลาดได้เร็วโดยไม่ต้องลงทุนสูง หากสำเร็จก็ต่อยอดได้เลย หากไม่สำเร็จ ก็จะไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานมากเท่าไร ตามเป้าหมายหลัก Year of Efficiency คือ
-เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง
-สร้างผลประกอบการเติบโต
หลังจากปลดพนักงานครั้งใหญ่ไปปีก่อน ซักเคอร์เบิร์ก บอกว่าปัจจุบัน เรากำลังสร้างความมั่นคงให้กับพนักงานที่ยังอยู่ ปรับขั้นตอนที่ทำให้เราเดินช้าลง และนำ AI เข้ามาช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยย้ำว่าจะมีการจ้างงานเพิ่ม แต่ก็เฉพาะในหน่วยธุรกิจสำคัญเท่านั้น ซึ่งในภาพใหญ่จำนวนพนักงานในบริษัทจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไร
ต่อมา ก็จะเป็นเรื่องของ AI และ Metaverse ที่ลงทุนไปแล้วเป็นแสนล้าน ซึ่งซักเคอร์เบิร์กมองว่าเป็นเวฟของธุรกิจเทคโนโลยี ต่อจากนี้
และเขาก็ได้ย้ำอีกครั้งว่า AI คือปัจจุบัน
Metaverse ก็ยังทำ แต่เป็นอนาคต
ในขาของ AI ซักเคอร์เบิร์ก อัปเดตว่าระบบแนะนำของแอป ที่เพิ่มการแนะนำอะไรใหม่ ๆ นอกเหนือจากสิ่งที่เราติดต่อ ทำให้โดยรวม คนเล่นฟีดเฟซบุ๊ก นานขึ้น 7%
สำหรับการนำไปใช้บน Reels ที่ทำมาแข่ง TikTok ปัจจุบัน มีคนดู 200,000 ล้านครั้ง ต่อวัน สร้างรายได้ทะลุ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 340,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นเป็น 3 เท่าจากปีก่อน
ในขณะที่ WhatsApp Business หรือระบบตอบลูกค้า ก็มีผู้ใช้งาน 200 ล้านบัญชี
อัปเดตเพิ่มเติมคือ มีการปลดล็อกให้ผู้ที่ไม่ได้มีบัญชี เฟซบุ๊ก ก็สามารถเข้าถึง โฆษณา Click-to-WhatsApp ได้ด้วย รวมถึงเปิดตัว Channels ซึ่งจะคล้ายกับ Official Account บน LINE ที่จะทำให้ลูกค้า ผู้ติดตาม เข้าถึงแคมเปญ และ การอัปเดตจากบริษัทได้โดยตรง
ทีนี้ก็มาถึงเรื่อง LLama 2 ภาษา AI ที่ร่วมกันพัฒนากับ Microsoft เพิ่งเปิดตัวไป ไม่นานมานี้
หลัก ๆ คือ ทำขึ้นมาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท รวมถึงให้บริษัทเทคโนโลยีรายอื่นด้วย
และความเป็นโอเพ่นซอร์ส ก็จะทำให้ผู้พัฒนาที่เข้ามาใช้งาน สามารถพบ และ แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ร่วมกันได้ ซึ่งจะช่วยให้ระบบดีขึ้น
สรุปเฟซบุ๊กในไตรมาสที่ผ่านมา ก็คือ
-กลับมาเติบโตได้แล้ว หลังจากมึนไปเป็นปี
-ผลประกอบการ ดีกว่าตลาดคาดการณ์
-AI เริ่มให้ผลลัพธ์เป็นรูปเป็นร่าง
-ลีนขึ้น ปล่อยของทดสอบตลาดแบบ Threads ลงทุนไม่สูง ซึ่งก็ต้องดูว่าได้มา 100 ล้านบัญชีแล้ว จะต่อยอดได้มากขนาดไหน
นอกจากผลงานที่ดีกว่าคาดแล้ว เฟซบุ๊กก็ยังได้ให้ Guidance หรือคาดการณ์ รายได้ ในไตรมาสถัดไป
โดยคาดว่าจะมีรายได้ 1,175,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตราว 15% เทียบกับปีก่อน ซึ่งก็มากกว่าที่ตลาดคาดไว้เหมือนกัน
หลังจากตลาดรับรู้อัปเดตดังกล่าว หุ้นเฟซบุ๊ก ก็มีแรงซื้อเข้ามาทันที ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นราว 7% ในช่วง After hours โดยจะปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 156% ตั้งแต่ต้นปี คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมา มากถึง 17,000,000 ล้านบาท เลยทีเดียว..
รู้หรือไม่ว่า META เป็นหนึ่งในหุ้นที่ทำผลตอบแทนดีในกองทุน MEGA10
โดยกองทุน MEGA10 เป็นกองทุนที่เข้าไปลงทุนในบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก โดยเน้นแค่ 10 บริษัทเท่านั้น เช่น Meta, Visa, Mastercard, Amazon, Microsoft และ Tesla* ซึ่งเราจะมีส่วนร่วมใน 10 บริษัทนี้แบบ เน้น ๆ ในสัดส่วนที่หาไม่ได้จากกองทุนอื่น
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ https://finno.me/mega-lt22
หรือ บลจ.ทาลิส 02-0150215, 02-0150216 จะมีคนคอยช่วยเหลือในการเปิดบัญชี ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.talisam.co.th
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
กองทุนนี้มีการลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีการลงทุนกระจุกตัวของหลักทรัพย์ หมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
*บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการลงทุน ณ ขณะนั้น
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.