<ผู้สนับสนุน>
ถ้าบ้านทุกหลังผลิตไฟฟ้าเองได้? / โดย ลงทุนแมน
ทุกคนคงเคยได้ยินคำว่า “พลังงานสะอาด”
แต่ภาพในหัวเราคงเป็นเรื่องในโลกอนาคตที่ไม่เกี่ยวกับคนในยุคเรา
รู้ไหมว่าจริงๆ แล้ว สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว
ที่ประเทศไทย..

ทุกคนยังจำกันได้ว่าปี 2554 เป็นปีมหาอุทกภัย

ปีนั้นเป็นปีที่สร้างความเสียหายกับประเทศไทยอย่างมหาศาลจนติดอันดับหนึ่งในเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่เสียหายมากสุดของโลก สาเหตุหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาตินี้ขึ้นมา ก็คือ ภาวะโลกร้อน

ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนมากที่สุด คือ มลภาวะจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้า

แต่เราก็ยังจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า
แล้วจะลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงลงได้อย่างไร?

คำตอบในตอนนี้คงจะเป็น พลังงานแสงอาทิตย์
หนึ่งในพลังงานสะอาด ที่ธรรมชาติจ่ายมาให้เราใช้แบบไม่มีวันหมด

ถ้าเราสามารถนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ก็จะช่วยโลกได้ไม่น้อย

แนวคิดนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ บมจ. เสนา ริเริ่ม โครงการ “บ้านเสนาโซลาร์” เป็นโครงการแรกในไทย ที่ใช้นวัตกรรมพลังงานสะอาดกับบ้านทุกหลังในโครงการ จะมาพร้อมกับแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน (Solar Rooftop) เพื่อช่วยในการผลิตและแบ่งเบาการใช้ไฟฟ้า

โครงการเสนาโซลาร์ยังคิดเผื่อไปถึงการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่ผู้ผลิตรถหลายๆ เจ้าเริ่มทยอยนำออกมาขาย โดยเสนา ถือว่าเป็นรายแรกในไทย ที่ติดตั้ง EV Charger และ Solar Scale-up ให้กับบ้านทุกหลังในโครงการ

พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเรามีรถ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้า ก็ไม่ต้องไปหาที่ชาร์จที่ไหน เพราะจะสามารถชาร์จได้เองที่บ้าน โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม

และเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน ทางโครงการได้พัฒนาต่อยอดจาก Solar เดิม ให้เป็นระบบ Solar Scale-up ที่เราสามารถปรับเพิ่มจำนวนแผงโซลาร์บนหลังคาได้ตามความเหมาะสมของการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

อีกทั้งยังสามารถเลือกช่วงเวลาของการใช้ไฟฟ้าได้ตามพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยประหยัดค่าไฟ พร้อมทั้งรองรับผู้อยู่อาศัยภายในบ้านช่วงเวลากลางวัน

ตอนนี้สิ่งที่หลายคนสงสัยก็คงจะเป็น ติดโซลาร์แล้ว ช่วยประหยัดค่าไฟได้เท่าไหร่?

จากการคำนวณของทางเสนา ถ้าลองดูตัวอย่างเปรียบเทียบการใช้ไฟในปริมาณที่เท่ากันเป็นระยะเวลา 5 ปี ของบ้านที่ติดและไม่ติดโซลาร์*

ขนาด 2 kWp (มาตรฐานสำหรับบ้านทุกหลัง) จะประหยัดค่าไฟได้ 33%
ขนาด 5 kWp (สูงสุดที่ติดเพิ่มได้) จะประหยัดค่าไฟได้ 83.33%

ถ้าลองคิดง่ายๆ จากตัวเลขการประหยัดค่าไฟของขนาดมาตรฐานที่ 33% แล้ว ก็จะเท่ากับว่า เงินที่ปกติเราจ่ายค่าไฟได้ 10 ปี จะจ่ายได้ 15 ปี ถ้าเราติดโซลาร์ เหมือนว่าเราได้ใช้ไฟฟรี 5 ปี

เราก็จะเห็นได้ว่า ยิ่งขนาดของโซลาร์ใหญ่ขึ้น ก็จะยิ่งช่วยแบ่งเบาค่าไฟได้มากขึ้น

ซึ่งถ้าเรามองว่าเป็นการลงทุนระยะยาว ก็อาจเรียกได้ว่าคุ้มค่า เพราะนอกจากจะทำให้เราต้องจ่ายน้อยลง เรายังสามารถนำเงินที่เหลือจากการจ่ายค่าไฟ ไปลงทุนต่อยอดในอย่างอื่นให้ได้ผลตอบแทนได้อีก

ถ้าสนใจข้อมูลเพิ่มเติม หรืออยากเห็นว่าบ้านเสนาโซลาร์หน้าตาเป็นอย่างไร ดูได้ที่ VDO ประกอบบทความนี้

*หมายเหตุ
1. คำนวณจากอุปกรณ์ไฟฟ้า ดังนี้ (1) แอร์ 12000 BTU 1000 วัตต์ 2 เครื่อง (2) แอร์ 18000 BTU 1500 วัตต์ 1 เครื่อง (3) TV 200 วัตต์ 2 เครื่อง (4) ตู้เย็น 100 วัตต์ 1 เครื่อง (5) หลอดไฟ 10 วัตต์ 20 หลอด โดยเปรียบเทียบทั้งหมด 5 ปี
2. คำนวณจากจำนวนชั่วโมงที่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า วันธรรมดา 4 ชั่วโมง เสาร์-อาทิตย์ 10 ชั่วโมง
3. การคำนวณอัตราการใช้ไฟฟ้าจากช่วงกลางวัน และกำลังการผลิตไฟฟ้าของโซลาร์ที่จำนวนชั่วโมงแดดที่ 4 ชั่วโมง (11.00-14.00)
4. อัตราค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2% และคำนวณอัตราค่าไฟฟ้า ปีที่ (1) 3.94 บาท/หน่วย, ปีที่ (2) 4.01 บาท/หน่วย, ปีที่ (3) 4.09 บาท/หน่วย, ปีที่ (4) 4.17 บาท/หน่วย, ปีที่ (5) 4.25 บาท/หน่วย
5. ความประหยัดค่าไฟฟ้า คำนวณเปรียบเทียบทั้งหมด 5 ปี
6. สมมติฐานที่พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าตลอดระยะเวลา 5 ปี มีพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าเหมือนเดิม