ส่องหุ้นกู้ครั้งแรกของ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” หลังควบรวม ชูความแกร่งเรทติ้ง A+ เสนอขายดอกเบี้ยระหว่าง 3.35-4.50% ต่อปี

ส่องหุ้นกู้ครั้งแรกของ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” หลังควบรวม ชูความแกร่งเรทติ้ง A+ เสนอขายดอกเบี้ยระหว่าง 3.35-4.50% ต่อปี

10 ก.ค. 2023
ส่องหุ้นกู้ครั้งแรกของ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” หลังควบรวม ชูความแกร่งเรทติ้ง A+ เสนอขายดอกเบี้ยระหว่าง 3.35-4.50% ต่อปี
TRUE Corp X ลงทุนแมน
นับตั้งแต่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ควบรวมกิจการระหว่างทรูกับดีแทค พร้อมกับใช้ชื่อ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” เหมือนเดิม ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ยกระดับให้บริษัทก้าวเป็นผู้นำอันดับ 1 บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย ที่ไม่เพียงแต่จะสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจากการรวมพลังสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้งทรูและดีแทค แต่ยังมุ่งสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการต่อยอดนวัตกรรมบริการดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อคนไทย ทั้ง IoT, AI Analytic, Machine Learning, Cyber Security ที่จะช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนวิถีดิจิทัล (Digital Transformation) ร่วมยกระดับคุณภาพชีวิต สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
เพราะการควบรวมครั้งนี้ทำให้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ก้าวข้ามขีดจำกัดหลาย ๆ เรื่อง เช่น ศักยภาพการลงทุนเพื่ออนาคตมากยิ่งขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ภาคธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด
พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน ช่วยทำให้ธุรกิจและผู้คนเติบโตไปพร้อมกัน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และสร้างประโยชน์ให้แก่ทุกฝ่ายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทริสเรทติ้งได้ปรับอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ ทรู คอร์ปอเรชั่น หลังควบรวม เป็น A+ ที่เพิ่มขึ้นสามระดับ จาก BBB+ เป็นการสร้างความมั่นใจด้านสุขภาพการเงินให้แก่นักลงทุน
โดย ทริสเรทติ้ง เห็นว่าการควบรวมธุรกิจจะทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมแบบไร้สายผ่านฐานลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับมีเครือข่ายการดำเนินงานที่กว้างขวาง และจำนวนคลื่นความถี่ที่หลากหลาย แม้จะมีการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น
และเพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งที่มีอยู่เดิมแล้วให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น
ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงเตรียมเปิดขายหุ้นกู้ครั้งแรก ภายใต้บริษัทใหม่หลังควบรวมทรู-ดีแทค ให้นักลงทุนทั่วไป โดยมีดอกเบี้ยระหว่าง 3.35-4.50% ต่อปี โดยแบ่งเป็นหุ้นกู้ 4 ชุดตั้งแต่อายุ 2 ปี จนถึง 10 ปี คาดเปิดให้จองซื้อ 20-21 และ 24 กรกฎาคม 2566
การออกหุ้นกู้ครั้งแรก ภายใต้บริษัทใหม่ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” น่าสนใจมากแค่ไหน
ลงทุนแมน จะสรุปรายละเอียดเชิงลึกให้ฟังอย่างเข้าใจง่าย ๆ
ตามข้อมูลที่พูดถึงก่อนหน้า ไฮไลต์ของหุ้นกู้ชุดใหม่ของ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” นั้นคือ “เรทติ้ง”
ที่ทางบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ปรับเรทติ้งความน่าเชื่อถือของ ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็น A+ ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิตคือ "Stable"
ทำให้หุ้นกู้ทรู คอร์ปอเรชั่นชุดนี้ ซึ่งเป็นการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกหลังควบรวมทรู-ดีแทค ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่น่าสนใจและจับตาในภาวะที่ตลาดทุนกำลังเกิดความผันผวนสูง
ส่วนเหตุผลที่ ทริสเรทติ้ง เพิ่มเรทติ้งความน่าเชื่อถือให้แก่ TRUE ครั้งนี้ เพราะมองว่า การควบรวมกิจการทรูกับดีแทค จะทำให้บริษัทกลายเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด ได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจโทรคมนาคมอย่างรอบด้าน และมีความชัดเจนในเรื่องของการทรานฟอร์มองค์กรสู่บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย อีกทั้งยังเป็นการประสานจุดแข็งด้านการเงินของทั้งสองบริษัทภายหลังการควบรวม ตำแหน่งทางการตลาด (market position) ที่แข็งแกร่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม รวมทั้งชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย ภายใต้บริษัทใหม่
การควบรวมกิจการครั้งนี้ โครงสร้างธุรกิจของ ทรู คอร์ปอเรชั่น จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากแค่ไหน โดยเรื่องนี้แบ่งเป็น ประเด็นหลัก ๆ คือ
• อุตสาหกรรมโทรคมนาคม จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง โดยเฉพาะการลงทุนโครงข่ายสัญญาณต่าง ๆ
แปลว่าการควบรวมกิจการครั้งนี้ จะทำให้เกิด Economies of scale ต่อไปในระยะยาวจากฐานลูกค้ามากกว่า 50 ล้านหมายเลขที่เกิดจากการรวมตัวกันของลูกค้าทรูและดีแทค และขนาดสินทรัพย์ใหญ่ขึ้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยลง
ความได้เปรียบจากข้อนี้เอง ที่ทำให้หลายคน มองเป็นปัจจัยบวกด้านการลดต้นทุน เช่น ลดต้นทุนเงินลงทุนในโครงข่าย และลดปัจจัยการทำธุรกิจที่ทับซ้อนกัน ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพคือการขยายสัญญาณมือถือที่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ที่เสาสัญญาณต่าง ๆ ซึ่งต่อไปมีเสาเดียวก็ใช้ได้ทั้งของทรูและดีแทค
• หลังควบรวม ทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์จากคุณภาพเครือข่ายที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อโรมมิ่งสัญญาณร่วมกันทำให้ลูกค้าแบรนด์ดีแทคเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G บนคลื่น 2600 MHz และลูกค้าแบรนด์ทรูได้ใช้สัญญาณเครือข่าย 4G/5G ที่ดีและครอบคลุมขึ้นบนคลื่น 700 MHz ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ จนถึงมีสินค้าและบริการหลากหลายกว่าเดิม ช่วยเพิ่มโอกาสขายสินค้าให้กับลูกค้าระหว่างกัน และโอกาสในเรื่องยอดขายต่อผู้ใช้งาน 1 คน ซึ่งกำลังเป็นโจทย์ใหญ่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในยุคนี้
• มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่แข็งแกร่งคือ กลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ และเทเลนอร์ กรุ๊ป ที่เป็นผู้ถือหุ้นเดิมของดีแทค ทำให้การดําเนินงานของบริษัทจะได้ประโยชน์จากระบบนิเวศน์ทางธุรกิจ ของกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ตลอดจนจากความเชี่ยวชาญในธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสารแบบไร้สายของเทเลนอร์ กรุ๊ป และพันธมิตรระดับโลกอีกด้วย
• หากบริษัทสามารถประหยัดต้นทุนได้ตามที่คาดการณ์ไว้ ก็จะทำให้กระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้น และทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อ EBITDA ค่อย ๆ ปรับตัวลดลงในอีก 2 ปีหลังจากนี้
เท่ากับว่าหลังจากควบรวมกิจการนอกจาก TRUE จะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ จนถึงโครงข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ และเป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้ใช้งาน นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยเสริมจากภายนอกให้กับ TRUE มากขึ้น นั่นคือ การคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โรคระบาด เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
โดยหุ้นกู้ TRUE ครั้งนี้ มีเรทติ้งใหม่ระดับ A+ จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 และเป็นหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้
โดยจะเปิดจองวันที่ 20-21 และวันที่ 24 กรกฎาคม 2566
ส่วนวัตถุประสงค์ของการเสนอขายหุ้นกู้แก่นักลงทุนประชาชนเป็นการทั่วไปครั้งนี้ คือ นำไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้เดิม และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
กำหนดมูลค่าการจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป
และทวีคูณครั้งละ 10,000 บาท สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน โดยจะเสนอขายจำนวน 4 ชุด
เพื่อให้นักลงทุนเลือกตามความเหมาะสมของตัวเอง
- หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.35% ต่อปี
- หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.60% ต่อปี
- หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.10% ต่อปี
- หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.50% ต่อปี ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้เมื่อครบปีที่ 5 นับจากวันออกหุ้นกู้
ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้
และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่าย
หุ้นกู้ผ่านสถาบันการเงิน 5 แห่ง ได้แก่
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาโทร. 02 888 8888 กด 819 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784
หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777
หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai Digital Banking
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร.1428 กด#4 (เปิดจองซื้อเฉพาะผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น)
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังสามารถจองซื้อหุ้นกู้ TRUE ทั้ง 4 ชุด ผ่านแอปพลิเคชันทรูมันนี่ วอลเล็ท ได้อีกด้วย โดยสามารถดาวน์โหลดแอป ทรูมันนี่ วอลเล็ท ได้ที่ App Store และ Play Store ดูรายละเอียด วิธีการสมัครแอป และวิธีการจองซื้อได้ที่ www.truemoney.com หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 1240 กด 6

คำเตือน
1. โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
2. ตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยมีสภาพคล่องต่ำ การขายตราสารในตลาดรองนั้นอาจได้รับมูลค่าขายตราสารลดลง หรือเพิ่มขึ้นได้ โดยขึ้นอยู่กับสภาวะและความต้องการของตลาดในขณะนั้น
3. อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้เป็นเพียงข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น มิใช่สิ่งชี้นำการซื้อขายตราสารหนี้ที่เสนอขาย และไม่ได้เป็นการรับประกันความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร และเมื่อผู้ออกหุ้นกู้หยุดจ่ายดอกเบี้ย (กรณีบริษัทไม่ได้แจ้งเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้) หรือเงินต้น ก็เป็นการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ (default) ซึ่งหากผู้ออกหุ้นกู้ประกาศล้มละลายหรือผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นกู้ และเจ้าหนี้อื่นของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะมีบุริมสิทธิเหนือผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ ในการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้ ผู้ลงทุนสามารถดูผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ หรือผู้ออกหุ้นกู้ (credit rating) ที่จัดทำโดยสถาบันจัดอันดับความเสี่ยง ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ ถ้า credit rating ของหุ้นกู้ หรือผู้ออกหุ้นกู้ต่ำ แสดงว่าความเสี่ยงด้านเครดิตของหุ้นกู้หรือผู้ออกหุ้นกู้สูง ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับควรจะสูงด้วยเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงของหุ้นกู้ดังกล่าว
Reference
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.