สก๊อต หรือ แบรนด์ ใหญ่กว่ากัน?

สก๊อต หรือ แบรนด์ ใหญ่กว่ากัน?

6 ธ.ค. 2017
สก๊อต หรือ แบรนด์ ใหญ่กว่ากัน? / โดย ลงทุนแมน
ทุกคนคงรู้จัก สก๊อต และ แบรนด์
2 ยี่ห้อนี้ทำสินค้าคล้ายกันคือ ซุปไก่ และรังนก
แต่เคยสงสัยไหมว่า ใครใหญ่กว่ากัน
วันนี้ลงทุนแมนจะมาเล่าให้ฟัง
สก๊อต เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทของคนไทย ที่คนไทยถือหุ้นอยู่ 100%
บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2526 ซึ่งอดีตเป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มนักธุรกิจไทยในสัดส่วน 51% กับบริษัทสก๊อต จากสวีเดนที่ถือหุ้น 49%
10 ปีหลังจากก่อตั้ง ผู้ถือหุ้นคนไทยได้ซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนชาวสวีเดน โดยขอซื้อลิขสิทธิ์ในการผลิตแทน ภายใต้เครื่องหมายการค้า “สก็อต” ทุกประเภท
ปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นใหญ่ของสก๊อต คือ ตระกูลชวาลเวชกุล ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 100% ทำให้สก๊อต เป็นแบรนด์ไทยแท้ที่ต่อกรกับผู้นำตลาดอย่างแบรนด์ของบริษัท เซเรบอส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจากอังกฤษ และบริษัทเซเรบอสมีบริษัทแม่เป็นญี่ปุ่นอีกที
ปัจจุบัน นอกจากรังนกแล้ว บริษัทยังผลิต ซุปไก่สกัด ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพอื่นๆ เช่น คอลลาเจนและน้ำลูกพรุน เป็นต้น
ที่น่าสนใจ ในตลาดผลิตภัณฑ์รังนกนั้นสก๊อตรังนกมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10% ขณะที่อีก 90% เป็นของแบรนด์รังนก
เมื่อต้นปี 2560 นี้ ทางบริษัทได้ประกาศจับมือกับ DKSH ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกที่เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการขยายตลาดมาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของสก็อต
สิ่งนี้ถือเป็น Big Change ที่สำคัญ เพราะ DKSH จะช่วยขยายตลาดในประเทศไทย ให้แก่ร้านค้าทั่วไป (Traditional Trade) จากเดิมที่มี 10,000 ร้านค้า เป็น 100,000 ร้านค้าทั่วประเทศ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
โดยสก๊อตรังนกได้เตรียมกำลังการผลิตมากกว่า 700 ล้านขวดต่อปีไว้รองรับกับการขยายตลาดดังกล่าว
ปัจจุบัน ตลาดในประเทศถือเป็นตลาดหลักของบริษัท โดยมีสัดส่วนกว่า 99% ขณะที่ตลาดต่างประเทศคิดเป็นเพียง 1% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศในกลุ่มอาเซียน
ตลาดรังนกบรรจุขวดจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 7-8% โดยสัดส่วนผู้บริโภคเป็นเพศหญิงประมาณ 57% และชาย 43% ขณะที่กลุ่มคนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปคือกลุ่มที่บริโภคมากที่สุด และกว่า 70% เป็นการซื้อเพื่อทานเอง อีก 30% ซื้อเป็นของขวัญ
คำที่ว่าคนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน จึงอาจจะใช้ไม่ได้กับ สก๊อตรังนก เสียทีเดียว
รายได้และกำไรของ บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย)
ปี 2557 รายได้ 1,844 ล้านบาท กำไร 48 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 1,762 ล้านบาท กำไร 94 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 1,843 ล้านบาท กำไร 206 ล้านบาท
จะเห็นว่าในปี 2559 ทุกๆ ยอดขาย 100 บาท จะเป็นต้นทุนประมาณ 80 บาท ค่าใช้จ่ายต่างๆ อีก 9 บาท เหลือเป็นกำไรให้สก๊อต 11 บาท
แล้วรายได้และกำไรของเบอร์หนึ่งในตลาด?
รายได้และกำไรของ บริษัท แบรนด์ ซันโทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด (เปลี่ยนชื่อจากเดิมคือ บริษัท เซเรบอส จำกัด)
ปี 2557 รายได้ 11,962 ล้านบาท กำไร 3,138 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 11,974 ล้านบาท กำไร 2,966 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 12,552 ล้านบาท กำไร 3,078 ล้านบาท
สำหรับแบรนด์ ในปี 2559 ทุกๆ ยอดขาย 100 บาท จะเป็นต้นทุนประมาณ 45 บาท ค่าใช้จ่ายต่างๆ อีก 30 บาท เหลือเป็นกำไรให้แบรนด์ 25 บาท
แสดงว่าเบอร์หนึ่ง อย่างแบรนด์มีการจัดการต้นทุนที่ดีกว่าสก๊อตพอสมควร โดยที่รายได้ของแบรนด์มากกว่าสก๊อตเกือบ 7 เท่า และกำไรของแบรนด์มากกว่าสก๊อตเกือบ 15 เท่า
เห็นอย่างนี้ก็คงเรียกได้ว่า สก๊อต ยังเป็นรอง แบรนด์ อยู่มาก
ก็ต้องขอเอาใจช่วยให้กับสก๊อตสินค้าไทยให้ต่อสู้กับคู่แข่งให้ได้ต่อไป..
----------------------
<ad> รังนกบำรุงร่างกาย แต่ดันทุรังซื้อหุ้นมีแต่เสียเงิน ซื้อหุ้นต้องมีเรดาร์นำทิศทาง APP StockRadars ทำเรื่องหุ้นให้เป็นเรื่องง่าย โหลดฟรีที่ www.stockradars.co/getradars
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.