CIVILIZATION 2001 AD: มนุษย์ยุคใหม่

CIVILIZATION 2001 AD: มนุษย์ยุคใหม่

26 พ.ย. 2017
CIVILIZATION 2001 AD มนุษย์ยุคใหม่ / โดย เพจลงทุนแมน
มนุษย์กำเนิดขึ้นมาแล้ว 200,000 ปี
แต่ 199,800 ปีแรก ดูเหมือนจะไม่น่าตื่นเต้นเท่า 200 ปีล่าสุด
จนถึงตอนนี้ มนุษย์อาจจะไม่ใช่มนุษย์คนเดิมอีกต่อไป
เพราะตอนนี้มนุษย์สามารถสร้างอวัยวะของตัวเองได้แล้ว..
ตั้งแต่มนุษย์รู้จักการการใช้ไอน้ำ เพื่อมาขับเคลื่อนเครื่องจักร
สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญคือการค้นพบกระแสไฟฟ้าของ นิโคลา เทสลา
ตอนนี้มนุษย์สามารถจะเอากระแสไฟฟ้าไปใช้เป็นพลังงานในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ได้ไม่รู้จบ นับตั้งแต่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ทีวี หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือการสื่อสาร มนุษย์สามารถก้าวข้ามผ่านการสื่อสารตัวต่อตัว ไปเป็นสื่อสารผ่านตัวหนังสือ ไปเป็นสื่อสารทางสายผ่านโทรศัพท์ หรือเคเบิล และที่พิเศษสุดคือมนุษย์สามารถสื่อสารแบบไร้สายได้
นกพิราบสื่อสารไม่จำเป็นอีกต่อไป..
มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้คลื่นวิทยุ ทำให้มนุษย์ติดต่อสื่อสารกันได้ แม้อยู่ห่างกัน การสื่อสารไร้สายนี้ พัฒนาต่อเป็น ดาวเทียม โทรศัพท์มือถือ และ อินเตอร์เน็ต
ถ้าให้ถามว่าสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตมนุษย์ยุค ปี ค.ศ. 2000 มากที่สุดคืออะไร คำตอบก็คงเป็นเรื่องอินเตอร์เน็ต
มนุษย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของอินเตอร์เน็ตมากพอ จนก่อให้เกิดฟองสบู่ดอทคอมในปี ค.ศ. 2000 เช่นกัน
แต่สิ่งที่เหนือไปกว่าอินเตอร์เน็ต ก็คงจะเป็นการเริ่มการเปลี่ยนจาก อินเตอร์เน็ตที่มีสาย ไปเป็นอินเตอร์เน็ตที่ไร้สาย ซึ่งเราเรียกว่า smartphone นั่นเอง
ถ้าให้มนุษย์ในยุคก่อนหน้านี้มาเห็น Smartphone ทุกคนจะต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสิ่งนี้คือ สิ่งประดิษฐ์จากนอกโลก
ดูเหมือนว่าตอนนี้มนุษย์จะก้าวข้ามผ่านมนุษย์บนโลกแบบเดิม ก้าวเข้าสู่มนุษย์แบบใหม่แล้ว
แล้วมีอะไรที่มนุษย์จะก้าวข้ามมนุษย์แบบเดิมได้อีก?
เมื่อเทคโนโลยีทุกอย่างพัฒนาถึงขั้นสุด
จุดสุดท้ายที่เรากำลังก้าวไปถึงคือ การผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ากับตัวมนุษย์เอง
Jesse Sullivan เกิดเมื่อปี 1951 ปัจจุบันมีอายุ 66 ปี มีอาชีพเป็นช่างไฟฟ้า และได้รับอุบัติเหตุจากการทำงานตอนอายุ 50 หรือเมื่อปี 2001 จากการไปสัมผัสถูกสายไฟที่ยังมีกระแสไฟ 7,400 โวลท์วิ่งอยู่ และทำให้เขาต้องตัดแขนทั้ง 2 ข้างทิ้งไป
หลังจากสูญเสียแขนทั้ง 2 ข้างไปได้ 7 อาทิตย์ Sullivan ก็เข้ารับการติดตั้งแขนซ้ายเทียม Bionic กับทีมดอกเตอร์ Todd Kuiken จากศูนย์ฟื้นฟู Rehabilitation Institute of Chicago (RIC) และจะเป็นการเชื่อมต่อแขนเทียมเข้ากับระบบประสาทของเขา (nerve-muscle graft)
แขนเทียมที่นำมาใช้นั้น ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบของแขนเทียม Bionic ซึ่งแตกต่างไปจากอวัยวะเทียมทั่วๆ ไป เพราะไม่ได้ใช้การดึงสายเคเบิ้ลหรือกดปุ่มเพื่อให้มันขยับ แต่เป็นการติดตั้ง Microcomputer เพื่อช่วยให้สามารถทำการขยับในรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้นได้
การติดตั้งในช่วงแรกนั้น เรียกได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จ เพราะหลังจากพยายามที่จะเชื่อมแขนเทียมเข้ากับสัญญาณประสาท (neural signals) บริเวณไหล่ ร่างกายของ Sullivan กลับเกิดภาวะภูมิแพ้หรือภูมิไวเกิน (Hyper-sensitivity) จากผิวหนังที่ปลูกถ่ายขึ้น
หลังจากนั้น เขาได้รับการทำ Graft เส้นประสาทใหม่ ซึ่งเส้นประสาทหลัก 4 เส้นที่จากเดิมนำไปสู่แขนของเขา จะถูกนำไปที่บริเวณหน้าอกแทน และจึงติดตั้งเซนเซอร์ของแขนเทียม เพื่อเชื่อมต่อและรับสัญญาณจากปลายประสาทที่ปลูกถ่ายขึ้นบริเวณที่หน้าอก
ในส่วนของมือ จะทำงานร่วมกับ Microcomputer ในแขนเทียม เพื่อส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ที่อยู่ตรงหน้าอก และจะกระตุ้นให้เส้นประสาทส่งสัญญาณต่อไปที่สมอง เปรียบเสมือนว่าเส้นประสาทนั้นเชื่อมต่ออยู่กับมือจริงๆ เพียงแต่มือในกรณีของเขา อยู่ที่หน้าอก
ซึ่งจากแขนเทียมพิเศษบวกกับการศัลยกรรมประสาทนี้ นอกจากจะทำให้ Sullivan งอข้อศอก กำมือ แบมือ และหมุนมือได้แล้ว เขาสามารถที่จะขยับแขนนี้ผ่านทางความคิดของเขาได้ รวมถึงสามารถรับรู้ได้ถึงแรงกด รวมไปถึงอุณหภูมิร้อนเย็นได้อีกด้วย
การติดตั้งแขนเทียมนี้ ทำให้ Sullivan ทำกิจกรรมที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวที่ละเอียดอ่อนได้ เช่น การล้างจาน หยิบขวดน้ำ โกนหนวดด้วยเครื่องโกนหนวดไฟฟ้า และการทาสีหน้าต่างบ้าน ซึ่งจากคำบอกเล่าของทีมแพทย์ Jesse Sullivan ถือเป็นคนที่ใช้อวัยวะเทียมเพียงคนเดียวในโลกที่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้
เวลาผ่านมา 16 ปี อวัยวะเทียม Bionic ได้รับการค้นคว้าและพัฒนาจากหลายๆ บริษัท ให้ทำงานได้ซับซ้อนและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น รวมไปถึงต้องการต่อยอดให้คนที่ใช้แขนเทียม สามารถรับรู้ได้ถึงการขยับและแรงบีบ ที่แม้จะหลับตาก็สามารถรับรู้ได้ว่ามือกำลังทำอะไรอยู่
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็คือ อวัยวะเทียมจะไม่ได้มีไว้สำหรับผู้พิการเท่านั้น..
อวัยวะเทียมจะมีไว้สำหรับผู้ที่อยากแข็งแรงขึ้น หรือแม้แต่ สวยงามขึ้น
พูดง่ายๆ มนุษย์ทุกคนอยากสมบูรณ์แบบ อยาก PERFECT
ตอนนี้เราจะได้เห็นการผ่าตัดศัลยกรรม ที่ ช่วยเสริมหน้าอก เสริมจมูก
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อก่อน เรื่องนี้คงเป็นเรื่องน่ากลัว แต่ตอนนี้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องปกติในสังคม
กลับกลายเป็นว่าดาราคนไหนไม่ไปเสริมจมูก จะถือว่าเป็นเรื่องแปลก และจะสู้ดาราคนอื่นไม่ได้..
เช่นกัน
อนาคตทหารคนไหนไม่ไปผ่าตัดให้แขนขาแข็งแรงขึ้นก็คงสู้ทหารประเทศอื่นไม่ได้
อนาคตนักวิทยาศาสตร์คนไหนไม่ไปเสริมให้สมองตัวเองฉลาดหรือ มีความจำที่มากขึ้น ก็คงคิดตามคนอื่นไม่ทัน
ตอนนี้เรากำลังอยู่ในจุดเริ่มที่มนุษย์จะเปลี่ยนไปจากมนุษย์คนเดิมที่เรารู้จัก
มาคิดดูแล้ว เราก็อาจจะโชคดีอยู่บ้าง ที่เราเกิดมาในยุคที่เราเป็นมนุษย์จริงๆ
เพราะมนุษย์ในอนาคตในรุ่นลูกรุ่นหลานเรา อาจจะไม่ได้สัมผัสความเป็นมนุษย์จริงๆ แบบเราอีกต่อไปแล้ว..
----------------------
<ad> สัมผัสกับความเป็นเมอร์ซิเดส-เบนซ์ จริงๆ สภาพใหม่ ในราคามือสอง ถูกกว่ารถใหม่ 10-70% ได้ที่ Benz Motor Mall มาตรฐาน ISO 9001
----------------------
อ่านซีรีส์บทความ CIVILIZATION ตอนอื่นๆ ได้ที่
CIVILIZATION 70000 BC: จุดเริ่มต้น ของ จุดสิ้นสุด
longtunman.com/2048
CIVILIZATION 5000 BC: ปีระมิดที่หายไป
longtunman.com/2196
CIVILIZATION 2000 BC: คำสาป คณิตศาสตร์
longtunman.com/2350
CIVILIZATION 476 AD: กรุงโรมล่มสลาย
longtunman.com/2757
CIVILIZATION 1439 AD: ตำนาน THOR
longtunman.com/3067
CIVILIZATION 1720 AD: กำเนิดฟองสบู่
longtunman.com/3223
CIVILIZATION 1800 AD: ปฏิวัติอุตสาหกรรม
longtunman.com/3301
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.