ความไฮโซ ของกล้อง LEICA

ความไฮโซ ของกล้อง LEICA

27 ก.ย. 2017
ทุกคนคงรู้ดีว่ากล้อง LEICA เป็นกล้องระดับ Hi-End
ด้วยราคาของกล้องที่ค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
กล้องของ LEICA ในรุ่น S type มีราคาสูงถึงกว่า 8 แสนบาท
และถ้าซื้อเลนส์เพิ่มอีกก็เตรียมเงินไว้หลักล้านได้เลย
LEICA มีที่มาอย่างไร และปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน
ถ้าถามว่าด้วยราคาระดับนี้ คุณภาพต้องดีที่สุดในโลกเลยใช่หรือไม่ บางคนอาจตอบว่าใช่ แต่บางคนไม่คิดเช่นนั้น
มีกล้องจากแบรนด์อื่นมากมายที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันในราคาที่ถูกกว่าหลายเท่า แต่สิ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ ผู้คนให้ความสำคัญของคุณค่า หรือ “Value” ของแบรนด์นี้อย่างมหาศาล
LEICA เป็นแบรนด์สัญชาติเยอรมันก่อตั้งโดยคุณ Ernst Leitz ในปี 1924 โดยตอนแรกใช้ชื่อบริษัทว่า Ernst Leitz ตามชื่อเจ้าของ แต่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น LEICA Camera AG เนื่องจากผู้คนคุ้ยเคยกับแบรนด์กล้อง LEICA มากกว่า
โดยชื่อ LEICA มาจากการนำอักษร 3 ตัวหลังของนามสกุล มาผสมกับ อักษร 2 ตัวแรกของคำว่า camera ที่แปลว่ากล้อง
จึงออกมาเป็น LEICA นั่นเอง
ก่อนหน้าจะเป็นกล้อง LEICA บริษัท Ernst Leitz ได้ทำธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเลนส์ตั้งแต่ปี 1865 ผลิตกล้องจุลทรรศน์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมและการแพทย์ จึงเป็นเหตุผลที่ LEICA มีความเชี่ยวชาญเรื่องเลนส์เป็นอย่างดี
ในปี 1914 คุณ Oskar Barnack ซึ่งทำงานให้กับ Ernst Leitz ในขณะนั้น ได้คิดค้นกล้องตัวแรกของ LEICA โดยใช้ชื่อว่า UR-LEICA แต่ด้วยขณะนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้การผลิตกล้องชนิดนี้ต้องหยุดไป
ต่อมาเมื่อปี 1925 ในงาน Leipzig Spring Fair LEICA ได้เปิดตัวกล้อง LEICA 1 โดยใช้ฟิล์มขนาด 35 มม. แบบเดียวกับที่ใช้ถ่ายภาพยนตร์ ถึงแม้ LEICA จะไม่ใช่บริษัทแรกที่ใช้ฟิล์ม 35 มม. ในกล้องถ่ายรูป แต่เป็นบริษัทแรกที่ทำออกมาแล้วสามารถใช้งานได้จริง ถือว่าเป็นการเปลี่ยนอุตสาหกรรมการถ่ายภาพให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และเป็นที่มาของฟิล์มขนาด 35 มม. ซึ่งเป็น Format ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจนถึงปัจจุบัน
จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งเกิดขึ้นในปี 1954
LEICA ได้เปิดตัวกล้อง LEICA M3 ซึ่งเป็นกล้องที่ขายดีที่สุดตลอดกาล ทำยอดขายกว่า 220,000 ตัวระหว่างปี 1954 ถึง 1966 กล้อง LEICA M3 ถูกยกให้เป็น iconic หรือเป็นไอคอนของแบรนด์เรื่อยมา ด้วยรูปทรงที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ เป็นแบบแผนของกล้องปัจจุบันมากมาย อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่ถือว่าล้ำสมัยในยุคนั้น
LEICA ถูกใช้ในช่างภาพชื่อดังมากมาย และสร้างสรรค์รูปถ่ายที่ใครหลายคนน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น รูปถ่ายจุมพิตหญิงสาวโดยกะลาสีชาวอเมริกันในวัน V-J Day (วันประกาศชัยชนะเหนือญี่ปุ่นของอเมริกาในสงครามโลกครั้งที่ 2) ซึ่งถ่ายโดยช่างภาพชื่อ Alfred Eisenstaedt จากนิตยสาร Life Magazine ในปี 1945
แต่อย่างที่เราทราบกัน ไม่มีใครยิ่งใหญ่คับฟ้าได้ตลอดกาล
ปี 1959 Nikon แบรนด์กล้องชื่อดังจากญี่ปุ่น ได้เปิดตัว Nikon F-mount ซึ่งเป็นกล้อง SLR ระดับมืออาชีพตัวแรกของ Nikon ด้วยความที่กล้อง SLR นั้นใช้งานง่ายกว่ากล้องแบบ Rangefinder ของ LEICA และสามารถใช้เลนส์ร่วมกันได้อย่างหลากหลาย จึงทำให้กล้อง LEICA ถูกลดความนิยมลง
หลังจากนั้นมาธุรกิจของ LEICA ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กลายมาเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ที่หรู ดูแพง เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายมาเป็นช่างภาพระดับมืออาชีพ และคนที่คลั่งไคล้ในการถ่ายภาพเป็นอย่างสูงแทน
อย่างไรก็ตามความไฮโซที่สุดของ LEICA ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเลนส์ เพราะ LEICA เคลมว่า ทุกเลนส์ของบริษัทนี้ทำขึ้นด้วยมือทุกชิ้น (hand-crafted) จากช่างเทคนิคที่ฝึกมาอย่างดี
ปี 2016 LEICA Camera AG มีรายได้ 14,429 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์เจ้าตลาดอย่าง Canon หรือ Nikon ซึ่งมีรายได้ถึงกว่า 1 ล้านล้านบาท และ 2 แสนล้านบาท ตามลำดับ ก็คงจะเทียบไม่ได้ในเรื่องของด้านความมั่งคั่ง
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์และคุณค่าที่มองไม่เห็นแล้วนั้น LEICA ถือว่าเหนือกว่ามาก
ปัจจุบัน LEICA ได้มีการเซ็นสัญญาร่วมพัฒนากับ Panasonic คนเล่นกล้องอาจพอทราบว่าเลนส์ของ Panasonic Lumix นั้นถูกผลิตโดย LEICA หรือกล้องถ่ายรูปของ LEICA บางตัวก็ใช้ body เดียวกับ Panasonic เป็นต้น
โดยทั้ง 2 แบรนด์ได้ใช้จุดแข็งของตัวเองร่วมกันทำให้สินค้าออกมาคุณภาพดีที่สุด คือเทคโนโลยีดิจิตอลที่ล้ำสมัยของ Panasonic ประกอบกับเลนส์คุณภาพสูงของ LEICA
ในปี 2016 แบรนด์โทรศัพท์ Huawei จากประเทศจีน ได้ออกโทรศัพท์รุ่น P9 ซึ่งตอนแรกเคลมว่าใช้เลนส์ที่ผลิตโดย LEICA แต่ภายหลังเกิดข้อสงสัยจากผู้บริโภค และมีข้อสรุปว่าเป็นเพียงการพัฒนาร่วมกัน โดย LEICA เป็นผู้รับรองคุณภาพและให้ใช้ชื่อในการโฆษณาได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Huawei ประสบความสำเร็จจากการใช้ชื่อเสียงของ LEICA ในการขายสินค้าได้เป็นอย่างดี
สรุปแล้วสิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจที่ LEICA ให้เป็น Core Value ขององค์กรก็คือ “Passion” หรือ “ความหลงใหล” ในสิ่งที่ตัวเองทำ
เพราะถ้าเราทำทุกอย่างด้วยความรักในสิ่งนั้น ผลงานก็มักจะออกมาดี มูลค่าของสิ่งนั้นมันจะมากกว่าแค่ตัวเงินที่เรามองเห็น
และ Passion นี่แหละ ที่จะทำให้เราอยากตื่นขึ้นมาทุกวัน อยากรู้ว่าวันนี้เราจะทำอะไรกับ Passion ของเราได้บ้าง และสุดท้าย Passion ก็น่าจะเป็นสิ่งที่จะมาเติมเต็มความเป็นมนุษย์ของเรา ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร?..
Tag: LEICA
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.