ซอสศรีราชาตอนนี้เป็นที่นิยมของคนอเมริกัน
ซอสขวดสีแดงๆ ฝาเขียว ตราไก่ ทุกคนคงเคยเห็นขวดแบบนี้มาบ้าง
แต่เจ้าของแบรนด์นี้กลับไม่ใช่คนไทย
เรื่องนี้มีที่มาอย่างไร?

ซอสพริกศรีราชา มีต้นกำเนิดมาจาก อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ส่วนใหญ่ไว้จิ้มกับอาหารทะเล ซึ่งเป็นที่นิยมในย่านนี้ รวมถึงเวียดนาม

จนเมื่อปี 1980 David Tran ชาวเวียดนาม ผู้ที่เคยทำซอสปรุงรสขายอยู่แล้ว ได้อพยพหนีสงครามเวียดนาม ไปยังอเมริกา และได้ตั้งบริษัท Huy Fong Foods เพื่อผลิตซอสสูตรศรีราชาขาย

เริ่มแรก เขาไม่ได้อยากจะเติบโตไประดับโลก แค่อยากทำซอสให้ผู้อพยพชาวเวียดนามทาน และเอาไปขายให้ร้านอาหารเอเชียเท่านั้น

ไปๆ มาๆ ปรากฏว่าที่อเมริกา เม็กซิโก ชอบกันมากเอาไปจิ้มกับเมนูที่เขาชอบกินกันอันไหนก็ได้ อร่อยหมด พวกพิซซ่า ไก่ทอด เมนูไข่ เมนูผัก (คนเม็กซิกัน ชอบกินอาหารรสจัดกันอยู่แล้วด้วย)

จนถึงขนาด McDonald’s ยังทำ Burger ชุด Big Mac มีให้เลือกแบบซอสศรีราชาเลย

จากช่วงต้นมีโรงงานผลิตมีพื้นที่แค่ 5,000 ตารางฟุต ตอนนี้ขยายไปใหญ่โตถึง 650,000 ตารางฟุต

อีกปัจจัยหนึ่งคือเรื่องราคา โดย Tran มีแนวคิดว่า ต้องทำซอสให้คนรวย ในราคาคนจน ตลอด 30 ปี เขาไม่เคยขึ้นราคาที่ขายให้ร้านค้าเลย ไม่ว่าเงินจะเฟ้อแค่ไหน

แต่ก็มีอุปสรรคเหมือนกัน คือ โดนลอกเลียนแบบเยอะมาก เพราะศรีราชาเป็นชื่ออำเภอในไทย จึงไม่สามารถจดลิขสิทธิ์ชื่อได้

เช่น บริษัท Roland Foods ใน New York ก็ทำซอสศรีราชาขาย แต่เป็นตรามังกร หรือ Subway ก็ยังลองทำซอสศรีราชาสำหรับแซนด์วิสตัวเอง

Tran บอกว่า ไม่สน ขอตั้งใจทำงาน และพยายามขายราคาถูกต่อไป ที่สำคัญ เขาไม่เคยใช้เงินโฆษณาสินค้าเลยด้วยซ้ำ

แล้วบริษัทนี้มีรายได้เท่าไร?

Huy Fong ผลิตซอสศรีราชา ขายปีละ 20 ล้านขวด มี 5 แบบ ราคาเฉลี่ย $3.5 หรือ 115 บาท

โดยปกติ จะมีรายได้ $60 ล้านต่อปี หรือประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี

แต่ตั้งแต่ปี 2015 มา มีรายได้เพิ่มเป็น $80 ล้าน หรือ 2,600 ล้านบาท โตพรวดเดียว 30%

สาเหตุที่ยอดขายพุ่งข้ามคืนอย่างนี้ คาดว่ามาจากการที่ Kylie Jenner ดาราสาว โพสใน Instagram ว่า ซอสพริกศรีราชา มีสีเดียวกับเสื้อเธอ และมีคนกด Like กว่า 1.1 ล้านคน

นอกจากรสชาติที่เด็ดแล้ว อิทธิพลการโฆษณาของคนดังในโลกออนไลน์ ก็ส่งผลต่อยอดขายอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนใครที่อยากซื้อหุ้น Huy Fong Foods ก็หมดสิทธิ์ เพราะ Tran บอกว่าจะเก็บไว้เป็นกิจการครอบครัวเท่านั้น โดยให้ลูกๆ มาบริหารกันแล้ว

เนื่องจากมองว่านักลงทุนสนใจแต่กำไร แต่จะไม่สนใจสินค้าเขาเลย..