ถ้าเราอยากซื้อเก้าอี้หรือโซฟา ที่ปรับนอนได้
เพื่อนั่งดูทีวี นั่งอ่านหนังสือ
ชื่อแรกที่คนนึกถึงน่าจะเป็น La-Z-Boy

เมื่อราว 90 ปีก่อน จุดกำเนิดของ La-Z-Boy จะว่าไปแล้วก็มีความคล้ายคลึงกับ Startup ในยุคปัจจุบัน

Edward Knabush (ช่างไม้) และ ญาติของเขา Edwin J Shoemaker (ชาวไร่)

ทั้งคู่ได้เริ่มตั้งบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์เป็นของตนเอง และแน่นอนว่าโรงงานแห่งแรกของพวกเขาก็คือ โรงรถที่บ้านของ Edward นั่นเอง

ในช่วงแรกของการสร้างธุรกิจ ผู้ก่อตั้งทั้งสองคน ก็ต้องทำงานอย่างหนัก 16 ชั่วโมงต่อวันโดยรับเงินเดือนเพียงคนละ 20 เหรียญต่อเดือน

เงินที่เหลือก็ต้องนำไปเพิ่มทุนเพื่อขยายกิจการของบริษัท

ถึงกระนั้นบริษัทก็ยังไม่มีเงินทุนเพียงพอ และเนื่องจากธนาคารปฎิเสธที่จะให้เงินกู้ ทั้งคู่จึงต้องไปขอเงินระดมทุนจากญาติพี่น้อง

พ่อของEdwinถึงกับต้องไปจำนองไร่ข้าวโพด เพื่อให้ลูกชายของเขามีเงินทุนเพียงพอ

ในปี 1929 ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ ทั้งคู่ก็ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขา มันคือเก้าอี้ที่สามารถปรับเอนได้ตัวแรกของโลก

ในตอนแรกพวกเขาทำเก้าอี้ปรับนอนที่ทำจากไม้ แต่ต่อมาเขาได้รับคำแนะนำจากลูกค้าว่า น่าจะทำให้มันนิ่มกว่านี้ พวกเขาจึงเสริมนุ่นและหุ้มหนังเข้าไปกับตัวเก้าอี้

พวกเขาตั้งชื่อให้มันว่าเก้าอี้ "La-Z-Boy"

เก้าอี้ของพวกเขาได้รับความนิยมมาก แต่จากสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ทำให้กำลังซื้อของชาวเมืองตกต่ำ

บ่อยครั้งที่พวกเขาต้องรับค่าเก้าอี้เป็นสิ่งของต่างตอบแทน เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี วัว หรือแม้แต่ ไก่

ถึงอย่างไรก็ดี เมื่อจบวิกฤติเศรษฐกิจ บริษัทของพวกเขาก็มียอดขาย และกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

หลังจากนั้นบริษัทก็เติบโตมาได้เรื่อยๆ ด้วยความโดดเด่นของตัวสินค้าเอง แต่ช่วงเวลาที่บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดคือในช่วงปี 1960-1970

โดยในช่วงทศวรรษนั้น ยอดขายเก้าอี้ของ La-Z-Boy เติบโตถึง 50 เท่า! เนื่องจากสิ่งประดิษฐ์ใหม่ (ในสมัยนั้น) ที่เรียกว่าโทรทัศน์

เรียกได้ว่าบริษัทโซฟาบริษัทนี้ ได้ดีก็เพราะทีวี..

ซึ่งนอกจากบริษัทผลิตทีวีที่เติบโต ก็ยังมีเก้าอี้สำหรับนั่งดูทีวี ที่ได้รับอานิสงส์ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

และในที่สุดบริษัทก้ได้เข้า IPO ในช่วงทศวรรษนี้นี่เอง

จุดเด่นของบริษัท ก็คือตัวผลิตภัณฑ์เอง ที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค และรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากเก้าอี้ยี่ห้ออื่นๆ แม้ว่าปัจจุบันจะมีเก้าอี้ปรับนอนมากมายหลากหลายยี่ห้อ

ปัจจุบันรายได้ของ บริษัทในปี 2017 (งบปิดสิ้นเดือนเมษายน) คือ 50,900 ล้านบาท และมีกำไร 2,870 ล้านบาท

ในขณะที่เราอาจจะเคยได้ยินเสียงบ่นจากผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์บางรายในไทย ว่าไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนกับผู้ผลิตจากประเทศจากจีน หรือเวียดนาม ที่มีต้นทุนแรงงานต่ำกว่าได้

แต่บริษัท La-Z-Boy ยังมีโรงงานผลิตหลัก อยู่ในมิชิแกน อเมริกา ประเทศที่มีค่าแรงสูงลิ่วได้

แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้บริษัทที่มีต้นทุนแรงงานสูง หากมีนวัตกรรมการออกแบบ สินค้ามีความโดดเด่น เป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคแล้ว

ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปแข่งในเรื่องต้นทุนเลย..