Luckin Coffee ผู้ท้าชิง Starbucks ในจีน

Luckin Coffee ผู้ท้าชิง Starbucks ในจีน

6 มิ.ย. 2019
Luckin Coffee ผู้ท้าชิง Starbucks ในจีน / โดย ลงทุนแมน
Starbucks เป็นผู้ประกอบธุรกิจร้านกาแฟ รายใหญ่ที่สุดของโลก
ปัจจุบัน บริษัทเปิดให้บริการกว่า 28,000 สาขาทั่วโลก
ซึ่งหนึ่งในตลาดสำคัญ ก็คือประเทศจีน ที่มีจำนวนสาขามากเป็นอันดับ 2
แต่ในขณะนี้ Starbucks กำลังเจอคู่แข่งที่น่ากลัวจากเจ้าถิ่น ชื่อว่า “Luckin Coffee”
เชื่อหรือไม่ว่า ร้านนี้เพิ่งตั้งมาได้ไม่ถึง 2 ปี กลับขยายสาขาในจีน ใกล้แซง Starbucks ไปแล้ว
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Luckin Coffee เป็นร้านกาแฟสัญชาติจีน ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2017 โดยนักธุรกิจหญิงชื่อ เฉียน
จื้อย่า
เอกลักษณ์ของแบรนด์นี้คือ การขายกาแฟแบบ Online-to-Offline
โดยให้ลูกค้าสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน ชำระเงินออนไลน์ แล้วค่อยมารับที่ร้าน หรือให้จัดส่งไปยังที่หมายก็ได้
ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มพฤติกรรมของคนจีน ที่หันมาสั่งอาหารแบบดิลิเวอรีมากขึ้น และเริ่มพัฒนาเป็นสังคมไร้เงินสด
ดังนั้น หน้าร้านของ Luckin Coffee จะไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่นัก เพราะเน้นนำกาแฟเข้าไปหาผู้บริโภค ต่างจากเจ้าตลาดอย่าง Starbucks ที่ผู้บริโภคเป็นคนเข้าหากาแฟเอง ด้วยหน้าร้านที่โดดเด่น
พอร้านไม่ต้องใหญ่มาก ก็ทำให้ควบคุมต้นทุนได้ และมีราคาที่ถูกกว่า
เปรียบเทียบ ราคากาแฟลาเต้แก้วใหญ่ ในประเทศจีน
Starbucks ขายแก้วละ 140 บาท
Luckin Coffee ขายแก้วละ 110 บาท ซึ่งถูกกว่า 20%
รวมทั้งบริษัทได้มีการออกโปรโมชันส่วนลด และแก้วแถมอีกมากมาย เพื่อดึงดูดลูกค้า
สำหรับโมเดลธุรกิจลักษณะดังกล่าว การสร้างเครือข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ใกล้ตัวผู้บริโภค เป็นสิ่งสำคัญ บริษัทจึงขยายสาขาในจีนอย่างรวดเร็ว
ปี 2017
Luckin Coffee มี 0 สาขา
Starbucks มี 2,936 สาขา
ปี 2018
Luckin Coffee มี 2,000 สาขา
Starbucks มี 3,521 สาขา
ปี 2019
Luckin Coffee ตั้งเป้าขยายเป็น 4,500 สาขา
Starbucks ตั้งเป้าขยายเป็น 4,121 สาขา
จะเห็นได้ว่า ในปีนี้ Starbucks ตั้งใจจะเปิดร้านเพิ่มอีก 600 สาขา หรือโดยเฉลี่ยแล้ว จะมีร้านใหม่ในทุกๆ 15 ชั่วโมง
แต่ด้าน Luckin Coffee วางแผนเปิดร้านเพิ่มอีกถึง 2,500 สาขา หรือโดยเฉลี่ยแล้ว จะมีร้านใหม่ในทุกๆ 4 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้มีจำนวนสาขา แซงหน้า Starbucks ไปอย่างขาดลอย
Cr. TechNode
หลังจากประสบความสำเร็จ
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2019 Luckin Coffee ได้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ซึ่งตอนนี้ มูลค่าตลาดได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท
แล้วร้าน Luckin Coffee มีกำไรดีหรือไม่?
แม้ร้านจะเปิดสาขาจำนวนมาก จนปัจจุบันมีคนใช้บริการ อย่างน้อย 16.8 ล้านคน
แต่การแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ด้วยกลยุทธ์ด้านราคา และสิทธิประโยชน์ ทำให้บริษัทยังขาดทุน ซึ่งผู้บริหารเองก็ยอมรับว่า ขณะนี้พวกเขายังไม่สนใจตัวเลขกำไร
ผลการดำเนินงานของ Luckin Coffee ปี 2018
รายได้ 4,000 ล้านบาท
ค่าใช้จ่าย 11,600 ล้านบาท
ขาดทุน 7,600 ล้านบาท
ส่วน Starbucks เปิดเผยว่า ตนเองมีกำไรในภูมิภาคจีน และเอเชียแปซิฟิก อยู่ที่ 7,400 ล้านบาท
แสดงให้เห็นว่า Luckin Coffee ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมาก
หลายฝ่ายมองว่า การตั้งราคาขายถูกนั้น อาจจะไม่ยั่งยืนตลอดไป หากสุดท้ายต้องขึ้นราคา คำถามคือ บริษัทจะสร้าง Brand Loyalty ขึ้นมาทดแทนได้หรือไม่
เพราะบริษัทอื่น ไม่ว่าจะรายใหญ่หรือเล็ก ก็สามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาทำธุรกิจแบบเดียวกันได้
ถึงแม้ Luckin Coffee จะร่วมมือกับ Tencent เจ้าของ WeChat ที่ผู้บริโภคสามารถสั่งกาแฟ และชำระเงินผ่านแอปได้
แต่ Starbucks เอง ก็จับมือกับ Ele.me ที่มี Alibaba เป็นเจ้าของ ในการให้บริการดิลิเวอรี หรือเจ้าอื่นอย่าง McCafé ก็เข้ามาในตลาดนี้เช่นกัน
คงต้องรอดูกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว สงครามในตลาดกาแฟจีน ใครจะเป็นผู้ชนะ..
แต่ที่น่าสนใจคือ
ที่ผ่านมาเราเห็น Starbucks ดำเนินธุรกิจประสบความสำเร็จไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศ ก็เริ่มมีแบรนด์อื่น ไม่เกรงกลัวที่จะเข้ามาแข่งขันด้วย โดยพยายามหาจุดแตกต่างด้านราคา หรือบริการ ที่ปรับให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคท้องถิ่นนั้นๆ
ดังกรณีของ Luckin Coffee ในจีน หรือแม้แต่ Café Amazon ในไทย ก็มีจำนวนสาขามากกว่า Starbucks
ดูแล้ว ผู้ประกอบการร้านกาแฟ คงจะต้องทำงานกันหนักขึ้น
ส่วนคนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปเต็มๆ คงหนีไม่พ้นผู้บริโภคนั่นเอง..
----------------------
อ่านลงทุนแมนสนุกขึ้น
อ่านในแอป blockdit
โหลดที่ http://www.blockdit.com
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.