กรณีศึกษา VGI ซื้อหุ้น PLANB

กรณีศึกษา VGI ซื้อหุ้น PLANB

27 มี.ค. 2019
กรณีศึกษา VGI ซื้อหุ้น PLANB / โดย ลงทุนแมน
เรื่องนี้ทำให้เราได้ข้อคิดที่ดีในเรื่องการทำธุรกิจ
ในบางครั้ง เสือ 2 ตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้
กลับกลายเป็นว่า เสือ 2 ตัวมาร่วมมือกัน
และทำให้ถ้ำนั้นใหญ่กว่าเดิม
เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เมื่อวานนี้ มีข่าวที่สะดุดตา ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
นั่นก็คือ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ประกาศซื้อหุ้น 18.59% ของบริษัท แพลนบี มีเดีย (PLANB)
ซึ่งก่อนหน้านี้หลายคนอาจคิดว่า 2 บริษัทนี้เป็นคู่แข่งกัน
เพราะธุรกิจของ 2 บริษัทนี้มีลักษณะคล้ายกันคือเป็น สื่อนอกบ้าน หรือเรียกว่า Out of Home Media
สื่อของ VGI เราจะเห็นในรถไฟฟ้า BTS ทั่วกรุงเทพมหานคร
ทุกๆ ครั้งที่เราเดินขึ้นสถานีรถไฟฟ้า เราจะเห็นโฆษณาของ VGI ตามทางเดิน บันได และชานชาลา
ทุกๆ ครั้งที่เราจะก้าวเข้าตัวรถไฟฟ้า เราจะเห็นโฆษณาของ VGI ในตัวรถไฟฟ้า
ส่วนสื่อของ PLANB นั้นจะมีความหลากหลายมาก มีทั้งป้ายเล็ก ป้ายใหญ่บนตึก รวมถึงจอแอลอีดี ตามถนน ทางด่วน ทั่วประเทศไทย แม้แต่บนรถเมล์ หรือ ในสนามบิน โฆษณาของ PLANB ก็ยังอยู่ในนั้น
ถ้าให้ดูผลการดำเนินงานของบริษัท ปี 2018 ก็จะพบว่ามีขนาดใกล้เคียงกัน
VGI
มีรายได้ 3,904 ล้านบาท
กำไร 831 ล้านบาท
PLANB
มีรายได้ 4,043 ล้านบาท
กำไร 643 ล้านบาท
แต่มาวันนี้ ทั้ง 2 บริษัท ประกาศว่าจะร่วมมือกัน โดย VGI จะเข้าถือหุ้นของ PLANB โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 4,600 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิม และ ซื้อจากหุ้นเพิ่มทุน
เมื่อร่วมมือกันแล้วน่าจะเกิดอะไรขึ้น?
เรื่องแรกคือ ทั้ง 2 บริษัทเป็นผู้นำตลาดสื่อโฆษณานอกบ้านของประเทศไทย
สิ่งที่จะเกิดขึ้นทันทีก็คือ ทั้ง 2 บริษัทนี้จะใหญ่กว่าเดิม และสามารถใช้ประโยชน์จากการส่งเสริมการขายซึ่งกันและกัน
ยกตัวอย่าง
เมื่อก่อน ถ้าเราอยากโฆษณา ให้งบไป VGI เราก็คงคาดหวังว่าให้คนได้เห็นโฆษณาของเราบน BTS
มาคราวนี้ ให้งบไปทีเดียว ทุกคนจะได้เห็นโฆษณาของเราทั้ง BTS และ ป้ายทั่วประเทศไทย
เรียกได้ว่าโฆษณาของเราจะ impact ต่อคนจำนวนมากทันที แบบที่ใครก็ทำแบบนี้ไม่ได้
ถ้าให้ Facebook เป็นเจ้าตลาดของสื่อออนไลน์แล้ว
ก็คงไม่ผิดที่จะบอกว่า 2 บริษัทจะกลายเป็นเจ้าตลาดของสื่อออฟไลน์
ด้วยเม็ดเงินลงทุน 4,600 ล้านบาท แทนที่ VGI จะไปลงทุนขยายสื่อของตัวเอง แต่กลับเลือกลงทุนในสิ่งที่อีกคนหนึ่งก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน และทำให้ตลาดรวมดีขึ้นกว่าเดิม
ที่น่าสนใจคือเป้าหมายของ 2 บริษัทนี้กล่าวว่าจะมุ่งไปตลาดโฆษณาทั้งหมดในประเทศไทยที่มีมูลค่า 120,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำข้อได้เปรียบนี้มารุกตลาดออนไลน์เช่นเดียวกัน โดยใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า Offline-to-Online (O2O) และเป้าหมายที่ใหญ่กว่าก็คือ ตลาดอาเซียนทั้งภูมิภาค
หลายคนยังไม่รู้ว่า
VGI มีธุรกิจบัตรแรบบิทในมือ มีบริษัท KERRY ที่ขนส่งสินค้าในมือ
ส่วน PLANB มีจุดเด่นเรื่อง คอนเทนต์ที่บริหารจัดการนั้นมีคนเป็นส่วนร่วม (Engagement Marketing) เช่น BNK48, อี-สปอร์ต, สมาคมฟุตบอลซึ่งรวมถึงลีกในประเทศ และทีมชาติไทย
ใครจะไปรู้ เราอาจจะเห็น BNK48 เข้าไปอยู่บนบัตรแรบบิทก็เป็นได้
เป็นที่น่าสังเกตว่า สำหรับดีลนี้ PLANB จะได้รับเงินเข้าบริษัท 2,258.9 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทก็ไม่ได้ใช้งบลงทุนต่อปีมากขนาดนั้น ซึ่งก็น่าติดตามว่า PLANB จะมีโครงการอะไรที่น่าสนใจในอนาคต
เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
จากเดิมที่คนคิดว่าการทำธุรกิจต้องแข่งขันกัน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง
ถ้าเราเปลี่ยนเป็นการร่วมมือกันทำธุรกิจ
การร่วมมือกันในเค้กที่จานใหญ่กว่าเดิม
มันอาจจะดีกว่าสู้กันให้ตายในจานเล็กๆ
ลองนึกภาพ ถ้าคู่แข่งธุรกิจสัญชาติไทยรายอื่น มาร่วมมือกันจะเกิดอะไรขึ้น?
ช่อง 3 ร่วมมือกับ ช่อง 7
KBANK ร่วมมือกับ SCB
สภาพธุรกิจมันอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นได้
ในบางครั้ง
เราไม่จำเป็นต้องแข่งกับคนในประเทศ แล้วปล่อยให้ต่างประเทศเข้ามาได้ประโยชน์จากซากสงคราม
และ ในบางครั้ง
เราจำเป็นต้องร่วมมือกับคนในประเทศ
เพื่อออกไปหาสิ่งใหม่ ที่ใหญ่กว่าเดิม..
----------------------
แล้วทำไม PLANB ถึงซื้อ BNK48 อ่านเรื่องนี้ได้ที่
https://www.blockdit.com/articles/5b30b16e076e65512a6872a7
ติดตามเรื่องหลากหลาย จากผู้เขียนเก่งๆ หลายท่าน ในแอป blockdit โหลดได้ที่ http://www.blockdit.com
สั่งซื้อหนังสือลงทุนแมน 9.0 ได้ที่
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/90-i293980783-s493954943.html
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.