เวเนซุเอลา ฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุด

เวเนซุเอลา ฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุด

22 ก.พ. 2019
เวเนซุเอลา ฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุด / โดย ลงทุนแมน
“ปี 2018 ราคาไก่สดหนึ่งตัวที่เวเนซุเอลาตัวละ 14 ล้านโบลิวาร์”
อัตราเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับ 1,700,000%
ชาวเวเนซุเอลาจะซื้อไก่สักตัว พวกเขาต้องเอาเงินใส่กระสอบไปซื้อ
แต่ถ้าเราคิดว่า นั่นคือสิ่งที่เลวร้ายสุดๆ แล้ว เราอาจคิดผิด..
เพราะว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าภายในปี 2019 อัตราเงินเฟ้อที่เวเนซุเอลา จะแตะระดับ 10,000,000%
เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จริงๆ แล้วต้นตอของปัญหาที่เวเนซุเอลาเกิดขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ Hugo Chávez ประธานาธิบดีคนก่อนหน้ายังมีชีวิต
แต่ช่วงนั้น ส่วนหนึ่งเพราะราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในระดับสูง ที่ครั้งหนึ่งเคยขึ้นถึง 147 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ปัญหาต่างๆ ยังไม่ปะทุมากเท่ากับในสมัยของ Nicolás Maduro ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่มาเจอช่วงน้ำมันขาลง จึงเกิดปัญหามากมายอย่างที่เราเห็น
อย่างที่ทุกคนรู้ว่า เวเนซุเอลาเป็นประเทศที่มีแหล่งน้ำมันดิบสำรองมากที่สุดในโลก ทำให้น้ำมันดิบเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศที่มีสัดส่วนกว่า 95% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด
ดังนั้น น้ำมันดิบจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการกำหนดอนาคตของประเทศ
พอเรื่องเป็นแบบนี้ รัฐบาลเวเนซุเอลาจึงไปยึดกิจการน้ำมันหลายแห่งของเอกชนมาเป็นของรัฐ
อย่างไรก็ตาม หลังจากยึดมาแล้ว รัฐบาลกลับไม่มีการลงทุนในระบบการผลิตและสำรวจ ทำให้ตั้งแต่ปี 2015 ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง
ปี 2015 ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ 1.98 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ปี 2017 ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ 1.60 ล้านบาร์เรลต่อวัน
เทียบกับปริมาณการผลิตปี 1998 ที่ผลิตวันละ 3.50 ล้านบาร์เรลต่อวัน หมายความว่า ไม่ถึง 20 ปีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลงกว่า 54%
ปริมาณการส่งออกน้ำมันที่ลดลงประกอบกับ ราคาน้ำมันดิบอยู่ในช่วงขาลง โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลงไปต่ำสุดที่ 26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลช่วงต้นปี 2016
ทำให้รายได้จากการส่งออกน้ำมันที่ลดลง ส่งผลให้รายรับของรัฐบาลลดลงตามไปด้วย
อีกเรื่องคือ การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล นโยบายตั้งแต่สมัยการปกครองของประธานาธิบดี Hugo Chávez ที่มีการใช้เงินมหาศาลจากการค้าน้ำมันไปใช้จ่ายในโครงการมากมาย ซึ่งบางอย่างไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ รวมไปถึงการคอร์รัปชันของรัฐบาล
ในปี 1999 มีจำนวนบริษัทที่ประกอบธุรกิจกว่า 13,000 แห่ง แต่ในปี 2016 จำนวนนั้นเหลือเพียง 4,000 แห่ง
ขณะที่ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา มีประชากรกว่า 2.3 ล้านคน หรือ 7% ของประชากรทั้งหมดหนีออกนอกประเทศ
เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รายได้รัฐบาลที่ลดลง ทำให้ในปี 2018 ทุนสำรองระหว่างประเทศของเวเนซุเอลาเหลือเพียง 288,000 ล้านบาท ลดลงอย่างมากจาก 1.4 ล้านล้านบาท ในปี 2009
รัฐบาลจึงไม่สามารถดูแล และบริหารจัดการความผันผวนของค่าเงินโบลิวาร์ได้ ทำให้ค่าเงินโบลิวาร์อ่อนค่าลงอย่างรุนแรง
อย่างที่ทุกคนรู้ ประเทศที่ค่าเงินอ่อนค่า จะทำให้สินค้านำเข้าราคาแพง จนสินค้าบางส่วนก็ไม่ถูกนำเข้า
สินค้าที่มีอยู่ในตลาดบางส่วนค่อยๆ หมดไป หรือแม้แต่ราคาพุ่งสูงขึ้น สุดท้ายก็นำไปสู่ปัญหาเงินเฟ้อ
ซึ่งในเวเนซุเอลานั้น ปัญหาเงินเฟ้อนั้นเข้าขั้นรุนแรงจนเรียกว่า hyperinflation..
จึงไม่แปลกที่ผ่านมา เราจะเห็นคนที่นี่จำนวนมากต้องเข้าแถวยาวเพื่อมาซื้อของ หรือบางส่วนมาคุ้ยกองขยะ เพื่อหาของกิน รวมทั้งโรงพยาบาลขาดแคลนเครื่องมือรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก จนเกิดความวุ่นวาย
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
เวเนซุเอลา เป็นประเทศที่มีแหล่งน้ำมันดิบสำรอง 300,878 ล้านบาร์เรล มากที่สุดในโลก มากกว่าปริมาณน้ำมันดิบสำรองของประเทศไทยถึง 6,140 เท่า..
----------------------
อ่านเรื่อง เวเนซุเอลา CRISIS ได้ที่ https://www.blockdit.com/articles/5b782690b6418b527e59a7a7
ติดตามเรื่องหลากหลาย จากผู้เขียนเก่งๆ หลายท่าน โหลดแอป blockdit ได้ที่ blockdit.com
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.