ตำนาน มาซาโยชิ

ตำนาน มาซาโยชิ

5 ก.ค. 2017
ถ้าพูดถึงชื่อ มาซาโยชิ หลายคนคงไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าบริษัทของเขาถือหุ้นใหญ่สุดในอาลีบาบา ไม่ใช่ แจ๊คหม่า ทุกคนคงแปลกใจว่าเขาคือใคร
แต่ที่แน่ๆ เขาคือคนที่ไม่ธรรมดา ถ้า Elon Musk จัดว่าเป็นคนที่บ้าเรื่องอนาคตของโลกในฝั่งอเมริกาแล้ว มาซาโยชิ นี่แหละที่เป็นคนบ้าเรื่องนี้ในฝั่งเอเชีย
เขาบ้าพอที่จะมีแผนธุรกิจ 300 ปีข้างหน้า และบริษัทของเขาตอนนี้เป็น Venture Capital ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่พร้อมจะลงทุนในทุกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอนาคต
มาซาโยชิ เขาเป็นใคร?
ชื่อของเขาคือ มาซาโยชิ ซัน ดูเหมือนเป็นชื่อญี่ปุ่น แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนเกาหลีที่อพยพไปอยู่ที่ญี่ปุ่น
ตอนนี้ มาซาโยชิ มีทรัพย์สิน 770,000 ล้านบาท และเป็นคนรวยที่สุดในญี่ปุ่น แซงหน้า ทาดาชิ ยานาอิ เจ้าของร้านเสื้อผ้า UNIQLO ไปเรียบร้อยแล้ว
จุดเริ่มต้นความบ้าของ มาซาโยชิ มาจากอะไร?
มาซาโยชิเกิดปี 1957 เขาเป็นลูกคนเกาหลีที่อยู่บนเกาะคิวชูของญี่ปุ่น ภาพในวัยเด็กที่เขาจำได้คือถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนปาหินใส่เพราะเขาเป็นคนเกาหลี
และนี่คงเป็นแรงผลักดันทำให้เขาอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเขาเองว่ามีดีกว่าคนอื่น
สิ่งที่ผลักดันเขาอีกแรงหนึ่งคือ การได้พบกับ เด็น ฟูจิตะ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการนำแฟรนไชส์ Mcdonald มาเปิดที่ญี่ปุ่น และคนนี้แนะนำให้เขาเลือกเรียนภาษาอังกฤษ และไปเรียนต่อที่อเมริกา
เขาเลือกเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ และ วิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัย Berkeley ซึ่งทำให้เขาเริ่มเรียนรู้ว่าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กำลังจะเปลี่ยนโลก
เขาเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เขาเป็นคนคิดถึงเรื่องธุรกิจอยู่ตลอดเวลา จนถึงขนาดที่ไปจ้างคนมานั่งเรียนแทนในเวลาที่เขาไปประชุมธุรกิจข้างนอก
เขาเริ่มจากการไปจ้างคนเก่งๆที่เขารู้จักเพื่อที่จะผลิตเครื่องแปลภาษา และขายให้บริษัท Sharp ในราคา 15 ล้านบาท
พอได้เงินมา ก็เอาเงินนี้ไปนำเข้าตู้เกมจากญี่ปุ่นมาวางไว้ที่มหาวิทยาลัย Berkeley
พอเขาเรียนจบกลับมาญี่ปุ่นเมื่อปี 1980 แทนที่เขาจะเริ่มทำงานทันที แต่เขากลับอยู่เฉยๆนานถึง 18 เดือน โดยใช้เวลาใน "การคิดและการอ่าน" ว่าเขาจะทำอะไรดีจนทำให้ครอบครัวเขากลุ้มใจในตอนนั้นว่าทำไมเขาไม่ยอมทำงาน
ในที่สุดเขาก็ได้ไอเดียที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับขายซอฟท์แวร์ เขาก่อตั้งบริษัทชื่อ SoftBank ตอนอายุ 24 ปี ในปี 1981 ด้วยเงิน 3 ล้านบาท
ปี 1984 SoftBank ประสบความสำเร็จมีส่วนแบ่ง 50% ของตลาดซอฟท์แวร์ในประเทศญี่ปุ่น เขาเป็นคนชอบเทคโนโลยีมาก มากพอที่ทำให้เขาลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีต่างๆทั่วโลก 600 บริษัท
การลงทุนของเขามีทั้งขาดทุนบ้างได้กำไรบ้างไปเรื่อย จนมาถึงบริษัทเล็กๆบริษัทหนึ่งชื่อ Yahoo เข้ามาหาเขาเพื่อต้องการเงินไปพัฒนาเทคโนโลยี Search Engine
จึงทำให้บริษัท SoftBank เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดถึง 30% ของบริษัท Yahoo และได้รับกำไรมหาศาลจากการนำ Yahoo IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์อเมริกาในปี 1996
ทำนองเดียวกันกัน SoftBank ให้เงินกับ Alibaba ของแจ๊คหม่าเป็นทุนเริ่มแรกมากพอ ที่ทำให้ตอนนี้ SoftBank เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดใน Alibaba ไม่ใช่ แจ๊คหม่า
SoftBank ยังซื้อกิจการอื่นอีกมากมายเช่น บริษัท Vodafone Japan ผู้ให้บริการมือถือในญี่ปุ่น บริษัท Sprint ผู้ให้บริการมือถือในอเมริกา และล่าสุดบริษัท ARM ผู้ผลิตชิพและซอฟท์แวร์สัญชาติอังกฤษ
แต่ที่น่าสนใจคือเขามีแผนธุรกิจ 300 ปีอยู่ในใจมาตลอด เขาเชื่อใน "Singularity" ว่าในที่สุดเทคโนโลยี Aritificial Intelligence จะพัฒนาด้วยตนเองได้จนเหนือกว่ามนุษย์
ใน 30 ปีข้างหน้าหุ่นยนต์จะมีสมองเท่ากับมนุษย์ IQ 10,000 และธุรกิจชิพของบริษัท ARM ของเขาจะได้ประโยชน์ เพราะทุกๆคนจะจำเป็นต้องใช้มัน
การซื้อกิจการต่างๆทำให้บริษัท SoftBank มีหนี้มหาศาลถึง 4 ล้านล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีส่วนทุนเพียง 1 ล้านล้านบาทเท่านั้น
และตอนนี้เขาอายุ 60 ปี แล้ว แทนที่จะให้บริษัทขายธุรกิจเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ แต่เขาก็ยังรักความเสี่ยง และกล้าพอที่จะก่อหนี้ซื้อธุรกิจเทคโนโลยีไปเรื่อยๆ
นั่นคงเป็นเพราะ มาซาโยชิ เกิดมาเพื่อเทคโนโลยี เขารู้ว่าตัวว่าเขาชอบเทคโนโลยีมาตั้งแต่เด็ก และเขาก็คงสนุกกับมันไปตลอดชีวิต..
ติดตามเพจลงทุนแมนในเฟซบุ๊คได้ที่ facebook.com/longtunman
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.