กว่าจะเป็นวันนี้ของ รัชนก อินทนนท์

กว่าจะเป็นวันนี้ของ รัชนก อินทนนท์

29 พ.ย. 2018
กว่าจะเป็นวันนี้ของ รัชนก อินทนนท์ / โดย ลงทุนแมน
“หนูต้องการเป็นนักกีฬาทีมชาติ นอกจากจะได้เล่นเพื่อประเทศชาติแล้ว นี่ยังเป็นวิธีเดียวที่หนูจะช่วยพ่อแม่ให้อยู่ดีกินดีมากขึ้น และทำให้ครอบครัวเราไม่จนอีกต่อไป”
ประโยคนี้เคยถูกพูดไว้โดยน้องเมย์ รัชนก นักแบดมินตันชื่อดัง ที่วันนี้เธอสามารถทำสิ่งที่พูดไว้ได้แล้ว
แต่กว่าที่น้องเมย์จะก้าวขึ้นมาสู่จุดนี้ เธอผ่านอะไรมาบ้าง วันนี้ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รัชนก อินทนนท์ หรือน้องเมย์ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2538 ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ก่อนที่น้องเมย์จะเกิดนั้น คุณพ่อคุณแม่ของเธอทำมาหากินอยู่แถบอีสาน และมีรายได้ไม่เพียงพอ จึงทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจย้ายมาหางานทำในโรงงานทำขนมทองหยิบทองหยอดในจังหวัดนครปฐม
คุณพ่อคุณแม่ของน้องเมย์ทำงานมาประมาณ 4 - 5 ปี คุณแม่ก็เริ่มตั้งท้องน้องเมย์ ซึ่งหลังจากคลอดน้องเมย์เพียง 3 เดือน ทางคุณแม่ก็ต้องรีบกลับไปทำงาน เพราะรายได้ที่คุณพ่อทำคนเดียวนั้นไม่พอเลี้ยงครอบครัว จึงทำให้น้องเมย์ ถูกนำมาเลี้ยงที่โรงงานทำขนมแห่งนี้ด้วย
ช่วงนั้นคุณพ่อและคุณแม่ของน้องเมย์ต้องทำงานอย่างหนัก โดยมีรายได้คนละประมาณ 3,000 กว่าบาท
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ตอนเด็กๆ น้องเมย์ จะไม่มีของเล่นเหมือนเด็กทั่วไป เนื่องจากรายได้ของครอบครัวนั้นแค่ใช้เดือนชนเดือนยังแทบจะไม่พอ
ความสุขของเธอในตอนนั้นก็คือ การเล่นกับเด็กๆ ซึ่งเป็นลูกคนงานในโรงงาน
ต่อมาเจ้าของโรงงานทำขนมต้องการให้ลูกๆ คนงานออกจากพื้นที่อันตรายในโรงงาน จึงทำให้พวกเด็กๆ ต้องไปอยู่บริเวณ คอร์ตแบดมินตัน ซึ่งในโรงงานมีอยู่ 1 คอร์ต
แต่ใครจะไปคิดว่านั่นเป็นจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด..
น้องเมย์ซึ่งตอนนั้นอายุประมาณ 6 ปี จึงมีโอกาสไปนั่งดูพวกพี่ๆ ตีแบดมินตันกัน รวมไปถึงช่วยเก็บลูกขนไก่
หลังจากที่เธอได้มีโอกาสเข้ามานั่งดูพวกพี่ๆ ตีแบดมินตันกัน สักพักเธอก็เริ่มได้ลงสนาม ฝึกซ้อม และเล่นแบดมินตัน
น้องเมย์เล่าว่า ช่วงแรกๆ เธอเพียงหัดจับไม้และตีลูกแบดมินตันแค่เล่นๆ เท่านั้น ไม่เคยคิดว่าจะต้องจริงจังอะไร
จนต่อมาเมื่อเธอเริ่มหัดเล่นแบดมินตันอย่างจริงจัง ก็เริ่มหลงรักกีฬาชนิดนี้ จนเธอให้เวลากับมันอย่างเต็มที่และตั้งใจฝึกซ้อมวันละหลายชั่วโมง ทั้งช่วงเช้าก่อนไปเรียนและช่วงบ่ายหลังเลิกเรียน เธอทำอย่างนี้เป็นประจำจนฝีมือและทักษะต่างๆ รุดหน้าไปอย่างมาก
ด้วยความสามารถที่มากกว่าเด็กวัยเดียวกัน ทำให้น้องเมย์ถึงขนาดต้องมาตีข้ามรุ่นบ่อยๆ เช่น ตอนที่น้องเมย์อายุ 8 ขวบ ก็ไปตีในรุ่น 9 ขวบ แต่เมื่ออายุ 9 ขวบ ก็ถูกส่งให้ตีในรุ่น 11 ขวบ
ในที่สุด เธอคว้าแชมป์ตั้งแต่อายุ 12 ขวบ จากรายการชิงชนะเลิศระดับประเทศ ทั้งยังเป็นนักแบดมินตันหญิงคนแรกที่คว้าแชมป์เยาวชนโลก 3 ปีติดต่อกัน รวมทั้งคว้าแชมป์โลกขณะที่มีอายุน้อยที่สุด
เงินรางวัลที่น้องเมย์ทำได้จากการแข่งขันแบดมินตัน
ปี 2559 จำนวนเงินรางวัล 4.3 ล้านบาท
ปี 2560 จำนวนเงินรางวัล 4.9 ล้านบาท
ขณะที่เงินรางวัลสะสมตั้งแต่ลงเล่นแบดมินตันรวมอยู่ที่ประมาณ 22 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมรายได้จากสปอนเซอร์และโฆษณาต่างๆ
การที่น้องเมย์อายุเพียง 23 ปีนั้น ทำให้เธอยังมีเวลาสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองและประเทศชาติ พร้อมทั้งสะสมเงินรางวัลอีกนานเลยทีเดียว
มาวันนี้สิ่งที่น้องเมย์คิดไว้เมื่อหลายปีก่อนเป็นจริงแล้ว เมื่อพ่อแม่ไม่ต้องลำบากทำงานหนักเหมือนแต่ก่อน เพราะเธอสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ดีแล้วนั่นเอง
มีคนเคยถามเธอว่า เหนื่อยไหมกับการที่ต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก ไม่ได้มีชีวิตเหมือนอย่างวัยรุ่นทั่วไป เธอบอกว่า “เหนื่อยเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่วันนี้ มันช่วยให้เรามองเห็นอนาคตว่า ชีวิตเราและครอบครัวจะดีขึ้น ยอมเหนื่อยวันนี้ดีกว่า”
เรื่องของน้องเมย์ ทำให้เราได้ข้อคิดว่า ไม่แปลกที่ทุกคนล้วนอยากประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น แต่จะมีกี่คนที่จะยอม “เหนื่อย” และ “ลำบาก” เพื่อแลกกับความสำเร็จเหล่านั้น
ขณะที่ต้นทุนชีวิตอาจเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จ
แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจและลงมือทำนั้น กลับเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน..
----------------------
ติดตามเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจอื่นๆ ได้ที่แอปพลิเคชัน "blockdit" โหลดได้ที่ blockdit.com
ความคิดดีๆ เกิดขึ้นที่บล็อกดิต..
.
หนังสือลงทุนแมนไว้อ่านยามว่าง เล่ม 1.0-7.0 ซื้อได้ที่ลิงก์นี้ lazada.co.th/shop/longtunman
.
อินสตาแกรม ไว้ดูภาพสวยๆ instagram.com/longtunman
.
ทวิตเตอร์กระชับฉับไว twitter.com/longtunman
.
ไลน์ส่งข้อความตรงวันละครั้ง line.me/R/ti/p/%40longtunman
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.