ค่าเงินจีนอ่อนสุดในรอบ 10 ปี

ค่าเงินจีนอ่อนสุดในรอบ 10 ปี

2 พ.ย. 2018
ค่าเงินจีนอ่อนสุดในรอบ 10 ปี / โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า..
จีนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกหากวัดจากมูลค่า GDP
อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้วเศรษฐกิจของจีนเริ่มมีการขยายตัวมาตลอด โดยในปี 2008 จีนสามารถแซงหน้าญี่ปุ่นและขึ้นครองอันดับ 2 ของโลกได้
หากจีนยังสามารถเติบโตระดับเดิมต่อไปเรื่อยๆ
ภายในปี 2030 จีนก็จะสามารถแซงหน้าสหรัฐอเมริกา และก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
ที่น่าสนใจคือ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการเสียแชมป์ประเทศที่มีขนาดเศรฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกของสหรัฐอเมริกาในรอบ 100 ปีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกากำลังทำสงครามทางเศรษฐกิจกันอยู่
โดยเฉพาะตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดี ก็มีนโยบายกีดกันสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีน ผ่านการขึ้นภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าเหล่านี้
ซึ่งนโยบายนี้ก็มีแน้วโน้มที่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และส่งผลกระทบต่อประเทศจีนอย่างเห็นได้ชัด
อย่างแรกคือ GDP ไตรมาสล่าสุดของจีนเติบโตเพียง 6.5% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในเกือบ 10 ปี..
ตามมาด้วยอัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลหยวนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งก็ถือว่าต่ำสุดในรอบ 10 ปีเช่นเดียวกัน
อ้างอิงจากมูลค่าอัตราแลกเปลี่ยนต้นปี เป็นดังนี้
ปี 2014 1 ดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่า 6.04 หยวน
ปี 2016 1 ดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่า 6.48 หยวน
ปี 2018 1 ดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่า 6.49 หยวน
ล่าสุดเงินหยวนได้อ่อนค่าลงไปถึง 6.97 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ
แล้วเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง?
อย่างแรกคือหนี้ของภาคธุรกิจจีนที่กู้จากแหล่งการเงินภายนอกประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อสิ้นปี 2017 มีการรายงานว่า ประเทศจีนมีหนี้จากแหล่งเงินทุนนอกประเทศสูงถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งหากบริษัทจะต้องชำระหนี้สินทั้งหมดในวันนี้จะต้องใช้เงินหยวนมากกว่าเดิมประมาณ 7%
นั่นแปลว่าถ้าบริษัทกู้เงินในปีที่แล้ว 100 บาท จะต้องหาเงินมาชำระหนี้เพิ่มขึ้นอีก 7 บาท
นอกจากนั้นการอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วของสกุลเงินหยวน ยังส่งผลต่อการไหลออกของเงินทุนอีกด้วย
เพราะนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและเลือกที่จะขายเงินสกุลหยวนเพื่อนำไปลงทุนในเงินสกุลอื่นหรือสินทรัพย์ชนิดอื่นแทน
ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ได้เกิดขึ้นมาแล้วในช่วงสิ้นปี 2015 ถึงปี 2016 ที่ผ่านมา แต่ค่าเงินหยวนในตอนนั้นก็ยังไม่อ่อนตัวเท่าปัจจุบัน
แต่เรื่องนี้ก็อาจกลับกลายเป็นผลดีกับจีนในทางกลับกัน
เนื่องจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินหยวนแปลว่า เราจะใช้เงินน้อยลงเพื่อแลกเป็นเงินหยวน
ในมุมมองของผู้ถือเงินสกุลอื่นจะรู้สึกว่าสินค้าจากประเทศจีนมีราคาถูกลง
ส่งผลให้จีนมีความสามารถในการแข่งขันด้านส่งออกจะสูงขึ้น และเรื่องนี้ก็น่าจะทำให้สหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้ากับจีนมากขึ้นในที่สุด
เราสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้างจากเรื่องนี้?
สงครามเศรษฐกิจก็ไม่ต่างจากสงครามทั่วไป..
เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ทุกฝ่ายก็จะได้รับผลกระทบจากการทำสงครามอยู่ดี
กรณีนี้สหรัฐอเมริกาเป็นผู้เริ่มสงคราม โดยการสร้างกำแพงภาษีกับสินค้าที่มาจากประเทศจีน
แต่สหรัฐอเมริกาก็ได้รับผลกระทบเป็นความเสียเปรียบในการแข่งขันกับประเทศจีน
ส่วนจีนเองก็ได้รับผลกระทบเป็นการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
ซึ่ง 2 ประเทศนี้เป็นประเทศที่ใหญ่สุดในโลก
และถ้าสองประเทศนี้เป็นอะไรไป ประเทศที่เหลือทั่วโลกก็น่าจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..
----------------------
ติดตามเรื่องน่ารู้อื่นๆ ได้ที่แอปพลิเคชัน "blockdit" โหลดได้ที่ blockdit.com
ความคิดดีๆ เกิดขึ้นที่บล็อกดิต..
.
หนังสือลงทุนแมนไว้อ่านยามว่าง เล่ม 1.0-7.0 ซื้อได้ที่ลิงก์นี้ lazada.co.th/shop/longtunman
.
อินสตาแกรม ไว้ดูภาพสวยๆ instagram.com/longtunman
.
ทวิตเตอร์กระชับฉับไว twitter.com/longtunman
.
ไลน์ส่งข้อความตรงวันละครั้ง line.me/R/ti/p/%40longtunman
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.